ทัวร์โลโฟเทน (Lofoten) ทรอมโซ (Tromsø) 10 วัน

วันที่ 1 : เริ่มต้นการเดินทางทริป ทัวร์โลโฟเทน ทรอมโซ จากกรุงเทพ – ออสโล (Oslo)

22:00 พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์สายการบิน Emirates

วันที่ 2 : ออสโล (Oslo) – เลกเนส (Leknes) – หมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten archipelago) – ฮัมนอย (Hamnøy)

01.35 น. ออกเดินทางสู่ประเทศกาตาร์ ด้วยสายการบิน Emirates (ระยะเวลาบิน 6 ชั่วโมง 10 นาที)

04.45 น. เดินทางถึงดูไบ พักเปลี่ยนเครื่อง 2 ชั่วโมง 40 นาที

07.25 น. ออกเดินทางสู่ กรุงออสโล โดย สายการบิน Emirates เที่ยวบิน EK385 (รวมระยะเวลาบิน 7 ชั่วโมง 5 นาที)

12.30 น. เดินทางถึง กรุงออสโล (Oslo) ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองต่างๆ

นำท่านเที่ยวชมสถานที่น่าสนใจภายในเมืองออสโลตลอดระยะเวลาช่วงบ่ายถึงเย็น

เข้าชม อุทยานฟร็อกเนอร์ สถานที่จัดแสดงผลงานศิลปะประติมากรรม ผลงานทั้งหมดเป็นของ “กุสตาฟ วิคเกอร์แลนด์” ปฏิมากรชื่อดัง

ชมทำเนียบรัฐบาล พระบรมมหาราชวัง อาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี อาทิ เนชั่นแนลเธียเตอร์, อาคารรัฐสภา และศาลาเทศบาลเมืองเก่า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมือง

18.00 น. รับประทานอาหารค่ำภายในเมืองออสโล แล้วกลับเข้าสู่เขตใจกลางเมือง

ที่พัก โรงแรม Radisson Blu Oslo Airport

วันที่ 3 : ออสโล (Oslo) – เลกเนส (Leknes) – หมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten archipelago) – ฮัมนอย (Hamnøy)

08.00 น. เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมที่พัก เดินข้ามฝั่งไปยังสนามบินที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

10.45 น. ออกเดินทางสู่ เมืองเลกเนส (Leknes) เกาะโลโฟเทน (Lofoten) โดย สายการบิน Scandinavian Airline SK 4106 แวะเปลี่ยนเครื่องที่เมือง Bodo เป็นสายการบิน Wideroe WF 810 (ทั้งหมดใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 25 นาที)

13.10 น. เดินทางถึง เมืองเลกเนส (Leknes)

รับประทานอาหารเที่ยงที่ ห้องอาหารไทย Kan Thai restaurant

หมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten archipelago) ตั้งอยู่ที่แคว้นนอร์ดแลนด์ (Nordland) ประเทศนอร์เวย์ เป็นหมู่บ้านของชาวประมงที่ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาการหาปลาในช่วงฤดูหนาว และทำปลาตากแห้งส่งออกที่มีชื่อเสียง  โด่งดังไปทั่วโลกเอกลักษณ์ที่สำคัญของหมู่เกาะแห่งนี้ก็คือ กระท่อมชาวประมงสีแดงแบบดั้งเดิมเรียกว่า โรเบือร์ (Rorbuer) ของชาวประมง ที่กลายเป็นสีสันริมชายฝั่ง ที่ไม่ว่าใครได้มาเยือนก็ต้อง  ถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกไปซะทุกราย เป็นหนึ่งในสถานที่สำหรับการดูแสงเหนือที่โรแมนติกที่สุด  แห่งหนึ่งของนอร์เวย์ เนื่องจากความมหัศจรรย์  ทางธรรมชาติที่ถูกเสกสร้างมาอย่างพิถีพิถัน

ออกเดินทางไปตาม ถนนสายธรรมชาติ เส้น E10 (Scenic Route) ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักสายเดียวของหมู่เกาะโลโฟเทนนำท่านเดินทางผ่านถนนเส้นเล็กๆเชื่อต่อระหว่างเกาะเล็กเกาะน้อย

หมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten archipelago) เป็นหมู่เกาะที่ประกอบขึ้นจากเกาะใหญ่ทั้งหมด 6 เกาะ แต่เกาะที่เป็นที่รู้จักของนักเดินทางและเป็นเกาะที่มีธรรมชาติอันสวยงามที่เราจะเดินทางกันมีทั้งหมดหลักๆ 5 เกาะคือ Austvågøy, Gimsøya, Vestvågøy, Flakstadøya, Moskenesøya

ระหว่างทางจะผ่านชายหาดที่สวยงาม 2 แห่งคือ Haukland และ Uttakleiv  ซึ่งเป็นหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลโฟเทน ที่นี่เป็นหาดที่มีโขดหินน้อยใหญ่เรียงรายเป็นรูปร่างต่างๆ

หลังจากนั้นเดินทางสู่เกาะฮัมนอย (Hamnøy) ที่เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวประมงที่เป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะโลโฟเทน

ที่พัก โรงแรม Eliassen Rorbuer (Waterfront Superior One-bedroom cottage. no.51-57)

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร Krambua

กิจกรรม ชมแสงเหนือ (Northern Lights)

วันที่ 4 : ฮัมนอย (Hamnøy) – หมู่บ้านออ (Å)

• เดินทางสู่ หมู่บ้านซากิซอย (Sakrisøy) หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ที่มีบ้านสีสันทาด้วยสีเหลืองอย่างแจ่มชัดซึ่งแตกต่างจากหมู่บ้านอื่นๆที่มักจะทาด้วยสีแดง หมู่บ้าน (Sakrisøy) ตั้งอยู่ที่ตรงข้ามกับภูเขาโอส์สตินด์ (Olstind) ซึ่งเป็นภูเขารูปร่างพีระมิดที่โด่งดังของโลโฟเทน
• จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง หมู่บ้านไรน์เนอ (Reine) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะระหว่างสองข้างทางท่านจะได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติอันสวยงามแปลกตา มีจุดแวะพักให้ถ่ายรูปสวยงามจำนวนมาก หมู่บ้านไรน์เนอ (Reine) ถือว่าเป็นหมู่บ้านที่ สวยที่สุดบน โลโฟเทน (Lofoten)
• จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง หมู่บ้านออ (Å)  เป็นหมู่บ้านที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดสิ้นสุดของถนนสายหลัก E10 ซึ่งถือว่าเป็นหมู่บ้านที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยว
• เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร Havet Restaurant
• นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านชาวประมง (Norwegian Fishing Village Museum) ซึ่งท่านจะได้สัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประมงที่อาศัยอยู่บนหมู่เกาะโลโฟเทนที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 250 ปี ในหมู่บ้านแห่งนี้ยังมีสถานที่ต่างๆให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม อาทิ โรงงานผลิตน้ำมันตับปลาคอด (Cod Liver Oil Factory), ร้านเบเกอรี่ และร้านขายของที่ระลึกต่างๆ
• นำท่านแวะชมจุดชมวิวต่างๆ ทางด้านทิศใต้ของเกาะโลโฟเทน (South Lofoten) ซึ่งถือว่าพื้นที่ๆสวยงามที่สุด
• ที่พัก โรงแรม Eliassen Rorbuer (Waterfront Superior One-bedroom cottage. no.51-57)
• ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร Maren Anna Restaurant
• กิจกรรม ชมแสงเหนือ (Northern Lights)

วันที่ 5  : นัสฟยอร์ด (Nusfjord) – หมู่บ้าน Henningsvaer

• นำท่านเดินทางสู่ นัสฟยอร์ด (Nusfjord) อีกหนึ่งเมืองเล็กๆน่ารักๆแห่งหมู่เกาะโลโฟเทนให้ท่านได้สัมผัสกับทัศนียภาพอันแปลกตา ภูเขาสลับแม่น้ำ และทะเลสาบที่ สะท้อนภาพเทือกเขาบนผืนน้ำ (ระยะทาง 50 กิโลเมตร) ชม หมู่บ้านชาวประมง นัสฟยอร์ด (Nusfjord Fisherman Village) ที่ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดียิ่งอีกแห่งของ นอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้มีการรังสรรค์หมู่บ้านหลากสีสัน ทั้งแดง เหลือง เขียว และยังคงอนุรักษ์บ้านเมืองเก่าไว้อย่างดี
• เดินทางถึงเมืองเลคเนค แวะรับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร Kan Thai restaurant (อาหารประเภทข้าวและกับข้าว)
• เดินทางสู่ พิพิธภัณฑ์ไวกิ้ง (Lofoten Viking Museum) เนื่องจากบริเวณหมู่เกาะโลโฟเทนมีการค้นพบว่าเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวไวกิ้งในอดีต บนเกาะจึงมีพิพิธภัณฑ์ไวกิ้งที่แสดงเรื่องราวและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของชาวไวกิ้งไว้มากมาย ซึ่งรูปแบบพิพิธภัณฑ์ถูกออกแบบโดยใช้โครงเรือไวกิ้งโบราณและภายในได้จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้และเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวไวกิ้ง
• จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เอ็กกุม (Eggum) ป้อมปราการขนาดใหญ่และซากปรักหักพังตั้งแต่สมัยสงครามโลก ไม่เพียงแต่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในอดีต แต่บริเวณนี้ยังมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม หากขึ้นไปยังป้อมปราการเก่าจะสามารถมองเห็นวิวทะเลตัดกับท้องฟ้าและภูเขาขนาดใหญ่ที่ตั้งเรียงรายสูงต่ำสลับกัน
• บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองท่าเฮนนิงสวาร์ (Henningsvaer) เป็นเมืองท่าและหมู่บ้านชาวประมงที่ปัจจุบันชาวบ้านยังคงประมงกันอยากคึกคัก เป็นอีกเมืองยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวต่างพากัน มาแวะเวียน ซึ่งจุดเด่นของเมืองนี้คือ บ้านชาวประมงสีแดงแบบดั้งเดิม (Rorbuer) ตั้งอยู่ริมทะเล มีอ่าวจอดเรือประมงเรียงรายอยู่มากมาย เป็นภาพที่สวยงามตัดกับวิวภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะในช่วงฤดูหนาว
• ออกเดินทางสู่ เมืองสโววาร์ (Svolvaer) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางการปกครองของหมู่เกาะโลโฟเทน ระหว่างทางแวะเที่ยวชม โบสถ์โวกัล (Vågan Church) ที่ถือว่าเป็นโบสถ์คริสต์ที่ใหญ่ที่สุดของเกาะโลโฟเทน
• ที่พัก โรงแรม Thon Hotel Lofoten
• กิจกรรม ชมแสงเหนือ (Northern Lights)

8 มีนาคม พ.ศ.2566 วันที่ 6 : สโววาร์ (Svolvaer) – นาร์วิค (Narvik)

• ช่วงเวลาเช้าให้ท่านได้มีโอกาสเดินเล่นภายในเมืองเล็กๆแห่งนี้
• เที่ยวชม พิพิธภัณฑ์สงครามแห่งความทรงจำ (Lofoten War Memorial Museum) พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเสื้อผ้าและอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆตั้งแต่ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงปี ค.ศ. 1940 – 1945 ซึ่งในประเทศนอร์เวย์ถือเป็นอีกหนึ่งบริเวณสมรภูมิการรบระหว่างฝ่ายอักษะและฝ่ายสัมพันธมิตร หลังจากนั้นให้ท่านได้มีเวลาอิสระเดินเล่นภายในเมือง
• รับประทานอาหารเที่ยง ภัตตาคาร Paleo Arctic
• บ่าย ออกเดินทางสู่เมืองนาร์วิค (Narvik) ระยะทาง 240 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
• ที่พัก โรงแรม Scandic Narvik

วันที่ 7 : นาร์วิค (Narvik) – ทรอมโซ (Tromsø)

• 09.00 น. ออกเดินทางออกจากที่พัก มุ่งหน้าสู่ Polar park ระยะทาง 51 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
• 10.00 น. ชม โพลาร์พาร์ค (Polar Park) ที่เป็นศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าเขตขั้วโลกที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคที่สูงที่สุดของโลก โดยมีสัตว์ป่านานาชนิดให้ได้ชม เช่น หมีขาว สุนัขจิ้งจอก กวางมูส หรือ วัวป่ามัสออค
• 11.30 น. ออกเดินทางสู่ เมืองทรอมโซ (Tromsø) ระยะทาง 184 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง รับประทานอาหารเที่ยงระหว่างทาง
• 16.00 น. เดินทางถึง เมืองทรอมโซ (Tromsø) เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของนอร์เวย์อยู่ในเขตมณฑลทรอมทางตอนเหนือของนอร์เวย์และทางตอนเหนือของคาบสมุทรสแกนดิเนเวียน อีกทั้งยังเป็นเมืองใหญ่ที่สุด ในเขตอาร์คติกเซอร์เคิล (Arctic Circle)
• นำท่าน ชมย่านใจกลางเมือง ให้ท่านได้ชื่นชมความงดงามของสถาปัตยกรรมที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมโดยเฉพาะเหล่าอาคารบ้านไม้เก่าแก่ที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันสดใสฉูดฉาด
• ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร Fiskekompaniet
• ที่พัก โรงแรมที่พัก Radisson Blu Tromsø

วันที่ 8  : ทรอมโซ (Tromsø)

• เช้า
  • นำท่าน นั่งเคเบิ้ลคาร์สู่ยอดเขาสโตรสไตเนิน (Tromsø Cable Car) เป็นยอดเขาสูงที่มีความสูง 421 เมตร มีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองทรอมโซและบริเวณใกล้เคียงที่มี ลักษณะเป็นเกาะใหญ่แยกจากกัน โดยมีร่องน้ำซึ่งเกิดจากการกัดเซาะตั้งแต่ยุคน้ำแข็ง กลายเป็นฟยอร์ดอยู่โดยรอบ ชมภาพความประทับใจของเมืองทรอมโซจากมุมสูง
  • ชม มหาวิหารอาร์คติก (Arctic Cathedral) มหาวิหารที่สร้างขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1965 อีกทั้งยังมีโครงสร้างโดดเด่น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการ สร้างมากจากสภาพภูมิทัศน์ในแบบภาคเหนือของนอร์เวย์
• รับประทานอาหารเที่ยง
• บ่าย
  • พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ตั้งอยู่เหนือสุดของโลกที่ โพลาเลีย (Polaria) พิพิธภัณฑ์รูปร่างแปลกตาเหมือนหนังสือที่วางต่อกันแห่งนี้ได้รวบรวมสัตว์น้ำสายพันธ์ขั้วโลกจำนวนมากเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการศึกษาสภาพเหนือพื้นมหาสมุทรอาร์คติค รวมทั้งรับชมกิจกรรม การฝึกและให้อาหารแมวน้ำสายพันธุ์ Bearded Seals ซึ่งเป็นสายพันธุ์สฟาร์บาร์อาร์คติคขนานแท้ Seal Feeding
  • ชม พิพิธภัณฑ์ขั้วโลก (Polar Museum) อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่ อยู่ในอาคารไม้สีแดง ตั้งอยู่บนท่าเทียบเรือ เป็นอีกหนึ่งอาคารแห่งประวัติศาสตร์ของประเทศนอร์เวย์ ซึ่งถูกสร้างขึ้นในช่วงปี 1830 ภายในมีการจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของภูมิภาค การสำรวจขั้วโลก รวมไปถึงพื้นที่ในแถบอาร์กติก นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงเกี่ยวกับการล่าสัตว์ในเขตอาร์กติก ซึ่งได้แก่ ปลาวาฬ หมีขั้วโลก แมวน้ำ และสิงโตทะเล จากนั้นให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย

• 17.00 น. ให้ท่านได้มีโอกาสเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ท่านจะต้องประทับใจไม่รู้ลืมด้วยการ นั่งรถลากเลื่อนโดยกวางเรนเดียร์ (Reindeer Sledding) ยานพาหนะของซานตาครอส เพื่อไปยัง หมู่บ้านชาวซามิ (Sami Village) ชาวพื้นเมืองที่อาศัยอยู่บริเวณเมืองทรอมโซ ระหว่างทางไกด์ท้องถิ่นที่เป็นชาวซามิจะบอกเล่าเกี่ยวกับประวัติและการตั้งถิ่นฐานของชาวซามิใน เขตแลปแลนด์ (Lapland) เมื่อเดินทางถึง ท่านจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวซามิ โดยต้อนรับท่านอย่างอบอุ่นเข้าสู่ กระโจมของชาวซามิ (Lavvo)
• ***เนื่องจากเป็นการนั่งรถเลื่อนยามค่ำคืน ท่านจึงมีโอกาสที่จะได้เห็นแสงเหนือในระหว่างการเดินทางได้เลย*** อาหารเย็นจะรับประทานก่อนเริ่ม กิจกรรมเรนเดียร์ จัดเตรียมโดยทีมงานเรนเดียร์
• 22.00 น. กิจกรรมเสร็จสิ้น หลังจากนั้นเดินทางกลับมาถึงโรงแรม (ถึงโรงแรมเวลาประมาณ 23.30 น.)
• ที่พัก โรงแรมที่พัก Radisson Blu Tromsø

นั่งเคเบิ้ลคาร์สู่ยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain)

วันที่ 9 : ทรอมโซ (Tromso) – ออสโล (Oslo) – กรุงเทพ (Bangkok)

• เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
• 9.00 น. เดินทางสู่สนามบินเมืองทรอมโซ
• 10.25 น. ออกเดินทางสู่ กรุงออสโล (Oslo) โดย สายการบิน SAS เที่ยวบิน SK 4411 (ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 50 นาที)
• 12.10 น. เดินทางถึง กรุงออสโล (Oslo) นครหลวงแห่งนอร์เวย์
• ***อาหารเที่ยง ท่านสามารถรับประทานอาหารได้ตามอัธยาศัยภายในสนามบิน***
• 14.30 น. ออกเดินทางสู่ประเทศดูไบ สายการบิน Emirates EK 160 (ระยะเวลาบิน 6 ชั่วโมง 30 นาที)
• 23.20 น. เดินทางถึง สนามบินนานาชาติดูไบ พักเปลี่ยนเครื่อง 4 ชั่วโมง 25 นาที

วันที่ 10 : กรุงเทพ

• 03.45 น. ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพมหานคร โดยสายการบิน Emirates EK 376 (ระยะเวลาบิน 6 ชั่วโมง 35 นาที)
• 13.20 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ