คาคุโนดาเตะ หมู่บ้านซามูไร ลิตเติ้ลเกียวโตแห่งโทโฮกุ ..ถ้าพูดถึงประเทศญี่ปุ่นแล้ว สิ่งแรกที่นึกถึงก็คงต้องเป็นซามูไร บางครั้งก็เรียกว่า บูชิ ซึ่งหมายถึงนักรบของญี่ปุ่นในยุคก่อนที่จะเข้าสู่การปกครองสมัยใหม่ นักรบพวกนี้มีความสามารถในการใช้อาวุธหลากชนิด ไม่ว่าจะเป็น ธนู หอก แต่อาวุธที่เป็นสัญลักษณ์ประจำตัวเลยก็คือดาบซามูไร มีแนวทางการดำเนินชีวิตแบบ บูชิโด ซึ่งเน้นความจงรักภักดีต่อนายเดียว มีวินัยและมีจริยธรรมสูง เพราะเชื่อในหลักคำสอนของขงจื๊อและศาสนาพุทธแบบเซน ความสามารถทางด้านการต่อสู้ด้วยดาบของพวกเขายังคงเป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้…
…ก่อนที่จะมาเที่ยวชมธรรมชาติรวมถึงเที่ยวชมเพื่อศึกษาที่เมือง คาคุโนดาเตะ (Kakunodate) นั้น เรามีเรื่องราวในยุคของซามูไรมาเล่าให้ฟังกันคร่าวๆก่อนค่ะ… สำหรับคำว่าซามูไรนั้นมาจากภาษาจีนฮั่นที่ว่า ฉื่อ ที่แปลว่า รับใช้ และคำว่าซามูไรก็ยึดถือในความหมายเดียวกันคือ “ผู้รับใช้” ซึ่งจุดเริ่มต้นของซามูไรเริ่มขึ้นเมื่อญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลจากอารยธรรมจีน ในช่วงศตวรรษที่ ๑๐ เพราะในยุคสมัยนั้น เป็นยุคที่จักรวรรดิราชวงศ์ถังของจีนนั้นยิ่งใหญ่เรืองอำนาจมากทีเดียว โดยราชวงศ์ถังสามารถแผ่แสนยานุภาพนับแต่สุดคาบสมุทรเกาหลีไปจนถึงริมทะเลสาบแคสเปียนในเอเชียกลางได้ และพิชิตดินแดนมองโกเลียทั้งหมดลงมาจนถึงเวียดนาม จึงทำให้จักรวรรดิถังนับเป็นมหาอำนาจที่ทรงอำนาจที่สุดในโลก ณ เวลานั้นเลยทีเดียว ทำให้ญี่ปุ่นยอมรับในอำนาจแห่งจักรพรรดิจีนแต่โดยดี ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นจึงพลิกโฉมครั้งมโหฬาร
ราชสำนักญี่ปุ่นได้น้อมรับอารยธรรมจีนมาปรับปรุงใช้ประเทศโดยการยอมรับพระพุทธศาสนานิกายมหายานเข้ามาเป็นศาสนาประจำราชสำนักควบคู่ไปกับศาสนาชินโตแต่เดิม และใช้ลัทธิข่งจื้อมาเป็นบรรทัดฐานหรือหลักการปกครองเฉกเช่นเดียวกับราชสำนักจีนด้วยเช่นกัน เพราะลัทธิขงจื้อนี่ล่ะค่ะที่้จะกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของชนชั้นนักรบหรือซามูไรในกาลต่อมา เพราะสังคมอุดมคติของขงจื้อมีการแบ่งชนชั้นและจัดสรรหน้าที่ของตนเองอย่างชัดเจน โดยทุกชนชั้นต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด เป็นพื้นฐานให้กับสังคมญี่ปุ่นที่กลายเป็นสังคมที่มีระเบียบทางชนชั้นมาจนทุกวันนี้ ในเวลาเดียวกันธรรมเนียมการพกอาวุธจึงไม่จำกัดอยู่ที่เหล่าขุนนางอีกต่อไป บรรดาขุนศึก หรือลูกหลานขุนนางในราชวงศ์ถัง รวมถึงข้ารับใช้ก็สามารถพกกระบี่หรือดาบได้เช่นกัน และเพื่อเป็นการปกป้องลักษณะชนชั้นทางสังคมให้ชนชั้นอื่นได้ทราบว่า ใครเป็นใคร นั่นเองค่ะ
…แต่อย่างไรก็ตาม เหล่าซามูไรในยุคแรกๆนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรจากไพร่ทั่วไปเท่าไหร่ เพราะในยามว่างก็ต้องไปทำไร่ไถนากะเขาเหมือนกัน เพียงแต่พวกเขาดีกว่าตรงที่มีชุดเกราะและอาวุธที่นายเหนือมอบให้มาก็เท่านั้นแหละ และเมื่อมีม้าเร็วควบม้ามาส่งข่าวการทำศึกแล้ว พวกเขาก็ต้องรีบแจ้นไปคว้าเกราะและดาบออกรบในทันทีนั่นเองค่ะ…
…และก็จบไปแล้วสำหรับความรู้เกี่ยวกับซามูไรเล็กๆน้อยๆ ตอนนี้เราก็มาแนะนำเมือง คาคุโนดาเตะ กันดีก่อนนะคะ…
ความเป็นมาของ คาคุโนดาเตะ หมู่บ้านซามูไร
ซึ่ง คาคุโนดาเตะ คือเมืองแห่งปราสาท มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะที่เป็นถิ่นฐานของชาวซามูไร ตั้งอยู่ในจังหวัดอาคิตะได้รับฉายาว่า ลิตเติ้ลเกียวโตแห่งโทโฮกุ เนื่องจากรูปแบบผังเมืองของหมู่บ้านซามูไร แห่งนี้ยังคงรูปแบบเดิมเหมือนเมื่อครั้งก่อตั้งชุมชนครั้งแรกที่ย้ายถิ่นฐานมาจากเกียวโต เพราะไม่เคยเกิดภัยธรรมชาติร้ายแรงใด ๆ มาเลยสักครั้ง ที่นี่มีลักษณะเด่นอยู่ที่การสร้างถนนให้มีเส้นทางคดเคี้ยวที่ไม่สามารถมองเห็นได้ โดยมีภูเขาและแม่น้ำล้อมรอบ เพื่อสะดวกในการป้องกันภัยจากเหล่าศัตรู โดยเฉพาะบ้านของเหล่าซามูไรที่ภัคดีต่ออำนาจของโชกุนตระกูลโทกุงาวะ ได้ใช้เป็นที่มั่นสุดท้ายจากการลุกขึ้นปฏิวัติล้มล้างระบอบโชกุนของเหล่าซามูไรทางใต้เพื่อคืนอำนาจให้แกจักรพรรดิ
เดิมตระกูลอิชินะซึ่งปกครองพื้นที่คากุโนะเดเตะได้ดำเนินการพัฒนาเมืองขนาดใหญ่ โดยเล็งจุดที่สำคัญไปที่ฮิโยเกะซึ่งเป็นพลาซ่าที่อยู่ทางใต้ของโตมาชิซึ่งเป็นเขตที่อยู่อาศัยของชาวเมืองและร้านค้า และทางด้านทิศเหนือในเขตยูชิมาชิเป็นเขตอาศัยของซามูไร ต่อมาพื้นที่ คาคุโนะดาเตะอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลซาตะเกะ ถนนบูเกะยาชิกิในยูชิมาชิเป็นที่อยู่ของซามูไรซึ่งได้รับการรักษาไว้เป็นอย่างดี และมีการแบ่งชนชั้นเพราะเป็นกฎระเบียบของเหล่าซามูไร สังเกตกันได้ง่ายๆจากรั้วบ้าน หากเป็นรั้วไม้สีดำเข้มที่ปกปิดมิดชิดจะเป็นซามูไรผู้สูงศักดิ์กว่าบ้านที่มีรั้วโปร่งราวกับไม่มีอะไรปิดกั้นอยู่เลย ทำให้ที่นี่ได้รับการระบุให้เป็นเขตอนุรักษ์อาคารแบบดั้งเดิมที่สำคัญ ด้วยภาพลักษณ์ของที่พักอาศัยของเหล่าซามุไรสมัยเอโดะและทัศนียภาพที่ตัดกันกับต้นซากุระที่เรียงรายเป็นภาพแห่งความประทับใจที่หาดูที่ไหนไม่ได้เลย
นอกจากบ้านเก่าแก่แล้วส่วนหนึ่งของหมู่บ้านแห่งนี้ยังถูกจัดเป็นศูนย์หัตถกรรมคาบะด้วยค่ะ โดยส่วนใหญ่ที่นี่มีการจำหน่ายและโชว์ผลิตภัณฑ์ที่ทำขึ้นจากเปลือกไม้ต้นซากุระป่าพันธุ์ชิดาเระ ซึ่งมีอยู่มากมายในพื้นที่แถบนี้ งานแกะสลักจากเปลือกซากุระนี้เป็นเครื่องใช้ประจำตัวเหล่าซามูไรที่เป็นชนชั้นปกครองเท่านั้น และจะมีเฉพาะที่ใส่ยาของซามูไรที่เอาไว้พกพา โดยช่างฝีมือที่ทำงานไม้แกะสลักนี้ก็คือทหารที่รับใช้ซามูไร แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปนอกจากจะมีการพัฒนารูปแบบเป็นที่ใส่ใบชา เครื่องหอม ที่ตักชา จนถึงเครื่องเรือนชิ้นใหญ่ ๆ อย่างชั้นวางของ ตู้ หรือตกแต่งอาหารบ้านเรือนแล้ว ช่างฝีมือที่ได้สืบทอดศิลปะการทำเครื่องใช้จากเปลือกต้นซากุระนั้น กลายเป็นช่างฝีมือชั้นครูที่สืบทอดงานฝีมือเก่าแก่นี้ให้คงอยู่สืบไปนะคะ…
…สำหรับผู้ที่ต้องการไปเที่ยวชมเมืองคาคุโนะดาเตะ สามารถเดินทางเข้าชมได้ตลอดทั้งปีนะคะ เพราะวิวของที่นี่สวยงามมาก ซึ่งแต่ละช่วงเวลานั้นมีความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป หากต้องการชมซากุระ ต้องไปในช่วงกลางเดือนเมษายน-ต้นเดือนพฤษภาคม ดอกซากุระจะบานเรียงรายยาวกว่า 2 กิโลเมตรริมฝั่งแม่น้ำ ฮิโนะคิไน สีดำของบ้านซามูไรและสีชมพูของดอกซากุระตัดกันสวยงามมาก หากอยากดูใบไม้เปลี่ยนสี ให้ไปในช่วงต้นเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน ส่วนช่วงฤดูหนาวสามารถไปได้ตั้งแต่ปีใหม่จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ จะได้พบกับหิมะตกท่ามกลางหมูบ้านซามูไร ซึ่งหาดูได้ไม่ยากเลยหากท่านเดินทางไปในช่วงเวลาที่ท่านกำหนดเองค่ะ…
***และสุดท้ายนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น แล้วยังไม่รู้ไม่ได้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี ทางเราก็มีโปรแกรมทัวร์แนะนำให้ท่าน เพื่อที่ท่านจะสามารถตัดสินใจเลือกสถานที่เที่ยวกันได้แบบง่ายขึ้นด้วยนะคะ…. 😆 [ทัวร์แบ่งตามประเทศ catid=”4″]
คุณต้องเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น.