วันนี้เราจะพาท่านมาดูภาพแห่งความฝันของใครหลายๆคน เมืองริมทะเลสาบ ที่แสนโรแมนติก ในประเทศออสเตรีย ต้องบอกเลยว่า ที่แห่งนี้ถูกจัดอันดับเป็น Top 10 แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจมาก
Gruess Gott อ่านว่า กรูซ ก็อต แปลว่า สวัสดี ทุกคนคงสงสัยว่าเป็นภาษาอะไร วันนี้เราขอทักทายเป็นภาษาเยอรมัน ที่ชาวออสเตรียเค้าพูดกัน ไหนๆก็ทักทายเป็นภาษาออสเตียกันแล้ว งั้นเราขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศออสเตรียกันเถอะ แถมเป็นสถานที่สุดแสนจะโรแมนติกเอามากๆซะด้วย เผื่อว่าใครที่มีคู่อยากจะไปเที่ยว หรือ ฮันนีมูน รวมถึงคนไม่มีคู่ก็ยังสามารถไปได้ ถ้าพร้อมแล้วงั้นเราก็เก็บกระเป๋าคู่ใจเตรียมตัวเดินทางไปกันเลย… ก่อนอื่นเราขอแนะนำว่าสถานที่ ที่เราจะไปว่าคือที่ไหน มันอยู่แห่งหนใด กันก่อน ถ้าทุกคนได้ยินชื่อก็คงอ๋อ…. ขึ้นมากันเลย นั้นก็คือ เมืองฮัลล์ทัทท์ (Hallstatt) เป็นเมืองที่อยู่ติดริมทะเลสาบ ที่สวยแถมยังโรแมนติกสุดๆไปเลย งั้นอย่ามัวเสียเวลากันคะเรามารู้จักกับ เมืองฮัลล์ทัทท์ (Hallstatt) กันเลย……
เมืองฮัลล์ทัทท์ (Hallstatt) เมืองริมทะเลสาบ ที่แสนโรแมนติก
เมืองที่ได้ชื่อว่า เมืองริมทะเลสาบ ที่สวยที่สุดในโลก และยังเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ออสเตรีย (Austria) โดยเมืองฮัลล์ทัทท์นั้นอยู่ในรัฐอัปเปอร์ออสเตรีย (Upper Austria) ซึ่งเป็น 1 ใน 9 รัฐ ของประเทศออสเตรียนั่นเอง ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) เป็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆทางตะวันตกเฉียงใต้ ของทะเลสาบฮัลล์สตัทท์ (Lake Hallstatt) หรือ หรือ ฮัลล์ชตัทท์เทอร์ ซี (Hallstatter See) ทะเลสาบในเขตภูมิภาคซาลซ์คัมเมอร์กุท (Salzkammergut) ซึ่งเป็นภูมิภาคทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศออสเตรีย ฮัลล์สตัทท์ มีชื่อเสียงในเรื่องของการเป็น “เหมืองเกลือโบราณ” ที่อยู่บนภูเขาตามในเขตภูมิภาคนี้มากว่า 7,000 ปีอีกด้วย ก่อนที่จะได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นเมือง มรดกโลกจากยูเนสโก ตั้งแต่ปี 1997 เป็นต้นมาและยังเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ใฝ่ฝันออยากมาเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิตอีกด้วย จากลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่เป็นเมืองชนบทเล็กที่ถูกโอบล้อมด้วยทะเลสาบและเทือกเขาที่สูงเด่น จึงทำให้ ฮัลล์สตัทท์ แถบจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกในทำให้ในสมัยก่อน เลยทำให้ผู้คนในดินแดนแห่งนี้มีวิถีชีวิตที่แตกต่างไปจากผู้คนในแผ่นดินอื่นๆ
สำหรับความโดดเด่นของเมืองฮัลล์สตัทท์นั้น สิ่งแรกที่ทุกคนจะสัมผัสได้ก็คือความเป็นเมืองชนบทเล็กๆ ที่มีอากาศแสนบริสุทธิ์ เหมาะอย่างยิ่งที่จะเดินทางมาพักผ่อนตากอากาศ และชมทัศนียภาพสวยๆ ของตัวเมืองที่ถูกโอบล้มไปด้วยทะเลสาบและเทือกเขาสูงตระหง่าน บวกกับบ้านส่วนใหญ่ทาสีน้ำตาลออกเหลือง หรือ สีในโทนอ่อนๆ บ้านทุกหลังจะปลูกดอกไม้สีสันสดใสใต้หน้าต่าง อาจจะแซมด้วยใบไม้สีเขียวที่โรยตัวลงมาตามกำแพง หรืออาจปลูกต้นไม้แนบผนังบ้านรูปทรงของกิ่งไม้ตัดกับสีของผนังบ้าน ทำให้เกิดลวดลายที่มีมิติสร้างสีสัน และ ชีวิตชีวาให้กับหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้
กิจกรรมท่องเที่ยวอื่นๆ เมืองริมทะเลสาบ ที่แสนโรแมนติก
นอกจากนี้แล้ว ทุกคนที่มาเยือนยังสามารถเดินทางไป ชมเหมืองเกลือโบราณที่มี อายุมากกว่า 7,000 ปี โดยการขึ้นกระเช้าไฟฟ้าเพื่อไปยังเหมืองเกลือที่ตั้งอยู่บนภูเขาที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 838 เมตร หรือใช้เวลาในการเดินทางเพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้นสำหรับการเที่ยวชมเหมืองเกลือนั้น นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมได้ในช่วงระหว่าง เดือนเมษายน– เดือนตุลาคมของทุกปี เราจะขอเล่าถึงหลักการคร่าวๆของการทำเหมือง เริ่มจากการสำรวจชั้นดินข้างใต้ว่าจุดไหนมีเกลือเป็นส่วนปรกอบอยู่ในปริมาณมาก เมื่อพบแล้วก็จะขุดเข้าไปเป็นโพรง ฉีดน้ำเข้าไปในบริเวณที่ขุดเพื่อละลายเกลืออกมา จากนั้นก็ผ่านขบวนการที่ทำให้น้ำระเหยเพื่อให้ได้เม็ดเกลือมีคนเคยตรวจสอบและเล่าว่าน้ำเกลือในแอ่งน้ำเกลือบางแห่งมีความหนาแน่นพอๆกับน้ำเกลือในทะเลสาบเดดซี(อยู่ตรงระหว่างเขตแดนประเทศจอร์แดนและอิสราเอล) หากเราตกลงไปแล้วก็จะไม่จม เพราะน้ำเกลือจะพยุงตัวเราให้ลอยอยู่ได้ แต่ละเหมืองอาจจะมีการขุดดินเข้าไปหลายๆชั้น บางชั้นอาจจะลึกลงไปกว่าชั้นถัดไปถึงกว่าร้อยเมตรและในการเชื่อมต่อแต่ละชั้นจะใช้ไม้ลื่นไถลตัวลงไป เวลาขึ้นจะใช้ลิฟท์ขึ้นมา ส่วนนักท่องเที่ยวที่ไปชมเหมืองเกลือ จะกลับออกมาด้วยรถไฟเล็กที่กรรมกรเหมืองใช้ขนเกลือนั่นเอง Salzwelten เป็นเหมืองเกลือโบราณที่เก่าแก่ที่สุดในโลก คนโบราณเปิดเหมืองแห่งนี้มากว่า 3,000 ปีก่อนคริสตกาล เกลือจากเหมืองแห่งนี้ถูกส่งไปขายทั่วยุโรป ตั้งแต่ทะเลบอลติกไปจนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สร้างงานและความร่ำรวย จนเกลือจากที่นี่ได้สมญาว่าเป็น White Gold
นอกจากเหมืองเกลือแล้ว ยังมีอีกจุดที่เราขอแนะนำเลยคือจุดที่หงส์ขาวว่ายน้ำอยู่ริมทะเลสาบ แถมพวกมันดูจะคุ้นเคยกับผู้คนที่มาเยือนเป็นอย่างดี พวกมันมักจะว่ายน้ำเข้ามาใกล้ๆเหมือนขอขนมปังจากเรา แถมเรายัง สามารถเก็บถ่ายภาพสวยๆกับหงส์เหล่านี้ได้อีกด้วยรับรองว่ามันจะให้ความร่วมมือกับเราเป็นอย่างดี…..
มุมนั่งทานอาหาร เมืองริมทะเลสาบ ที่แสนโรแมนติก
เดินชมเมืองและเก็บภาพสวยๆได้เยอะพอสมควรมาก็คงเหนื่อยกันแล้ว และ คงหมดพลังงานบวกกับร่างกายคงต้องการอาหารงั้นเราหยุดพักทานอาหารพร้อมเติมพลังเพื่อออกเดินทางกันต่อ…. 😥 🙁 😐
ร้านอาหารแห่งนี้อยู่ติดริมทะเลสาบเลยทำให้ เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เมื่อมองจากร้านอาหารพูดได้เลยว่าสวยมากๆ เพราะไม่ว่าจะ มองจากมุมไหนก็จะเห็นวิวที่สวยงามของทะเลสาบและ เนื่องด้วย ฮัลล์สทัทท์ เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ ทำให้เมนูที่มี ส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นเมนูที่เกี่ยวกับปลาซึ่ง เป็นปลาสดๆที่จับได้จากทะเลสาบ เมนูที่ ขอแนะนำของร้านอาหารแห่งนี้คือ เมนูปลาหมักเกลือและเครื่องเทศย่างสุกส่งกลิ่นหอมฉุย ชวนเรียกน้ำย่อยเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเมนูอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งถูกปรุงออกมาอย่างเรียบง่าย ชวนให้เราต้องลองสั่งมาทานไปซะทุกอย่าง บวกกับวิวสวยๆของทะเลสาบยิ่งทำให้อาหารที่สั่งอร่อยยิ่งขึ้น
ท้องอิ่ม ชาร์ตพลังงานเต็มแล้ว เราก็ออกเดินทางไปยังสถานที่ต่อไปกันคะ…..
ถ้าเราเดินไปเรื่อยจะเห็นว่าตลอดสองข้างทางก็จะมีร้านขายโปสการ์ด ร้านขายของที่ระลึกที่ทำด้วยมือสามารถนำไปเป็นของตกแต่งบ้านได้สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นงานเซรามิกที่มีเม็ดเกลืออยู่ข้างในพอสั่นแล้วก็มีเสียง ดัง กรุ๋ง กริ๋ง กรุ๋ง กริ๋ง จนทำให้เราต้องแวะเข้าไปดูและอุดหนุนกันซะทุกร้าน…….
มาถึงสถานที่ต่อมาซึ่งเราขอแนะนำให้คุณไปพิสูจน์ความกล้ากันแบบเบาๆ ที่ ไบน์เฮาส์ (Beinhaus) หรือ โบน์เฮาส์ (Bone House) เป็นอาคารขนาดเล็กที่แยกออกจากคริสตจักร ซึ่งภายในเป็นที่เก็บหัวกะโหลกที่มีมากกว่า 1,200 กะโหลก โดยแต่ละกะโหลกจะมีชื่อของเจ้าของสลักติดไว้อย่างเป็นระเบียบ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นของคนที่เสียชีวิตใน ศตวรรษที่ 18 – 19
มาถึงสถานที่สุดท้าย ถ้าเดินมายังด้านนอกก็จะเห็นว่ามีสุสานเล็กๆอยู่ มีป้ายชื่อที่ทำจากไม้ หรือทำจากเหล็กดัดสวยงามมีไม้ดอกไม้ใบประดับ ถ้ามองไปที่ที่ด้านหลังของสุสานก็จะมองเห็นทะเลสาบสีเข้ม เหมาะแก่การเป็นที่พักผ่อนชั่วนิรันดร์ที่แสนจะสงบสุข
ข้อแนะนำ : ของการมาเที่ยวที่นี่คือควรจะค้างอย่างน้อยหนึ่งคืนเพื่อตื่นมาชมแสงแรกของวันอันงดงามยามเช้า เมืองทั้งเมืองจะสะท้อนผิวน้ำอันนิ่งสงบ ราวกับมีเมืองฝาแฝดอยู่ในโลกใต้น้ำ พอตะวันบ่ายคล้อย แสงอาทิตย์จะทำมุมเฉียงทำให้ไม่เห็นภาพสะท้อนในน้ำเหมือนช่วงเช้า 💡 💡 💡
ข้อแนะนำ: ถ้าไปในช่วงช่วงฤดูใบไม้ผลิต่อกับฤดูร้อน เทือกเขาสูงจะมีหิมะปกคลุมอย่างเบาบาง หิมะจะละลายเป็นน้ำตกเล็กๆ หลายๆสาย ลำธารมีชีวิตชีวาด้วยสายน้ำไหลริน น้ำในทะเลสาบเต็มเปี่ยม ผิวน้ำพลิ้วสวยเป็นระลอกเมื่อโดนแรงลม ดอกไม้ป่าบานไสวทั่วท้องทุ่ง และผู้คนก็จะพากันปลูกดอกไม้สีสันสดใสสวยงามประดับประดาตามหน้าต่างและระเบียงบ้าน ดูสดใสไม่ว่าคุณจะเดินทางไปที่ไหนแต่ถ้าอยาก ได้บรรยากาศที่สวยต่างไปอีกแบบก็ลองมาตอนที่หิมะตก เราก็ได้พบกับความสวยที่ต่างออกไปอีกเช่นกัน 🙄 🙄
ข้อแนะนำ: เมืองฮัลล์ทัทท์ไม่อนุญาติให้นำรถทุกประเภทเข้าไปในเมือง รวมถึงชาวเมืองส่วนใหญ่ (อาจจะยกเว้นในบางกรณี) จึงต้องจอดรถกันที่ด้านนอกเมืองให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นก็เดินเข้าเมืองต่อไป 😀 😀
ข้อแนะนำ: การเดินทางมายังเมืองฮัลล์ทัทท์ต้องนั่งเรือข้ามฝั่งมาเท่านั้น
สุดท้าแต่ไม่ท้ายสุด ถ้าคุณกำลังหาสถานที่เที่ยวที่แสนจะโรแมนติกรับรองที่นี้ไม่ควรพลาดอย่างแน่นอน
Ba ba อ่านว่า ปะ ปะ แปลว่า บ๊าย บาย แล้วพบกันกับเรื่องต่อไปคะ……
คุณต้องเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น.