ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การท่องเที่ยวก็ไม่หยุดนิ่งเช่นกัน ปี 2025 จะเป็นปีที่การท่องเที่ยวของคนไทยก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยเทรนด์ที่น่าสนใจและท้าทาย การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี สภาพเศรษฐกิจที่ผันผวน และแนวโน้มโลกที่มุ่งสู่ความยั่งยืน ล้วนส่งผลต่อรูปแบบการเดินทางของเรา บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจเทรนด์การท่องเที่ยวของคนไทยในปี 2025 อย่างละเอียด พร้อมวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ที่จะกำหนดทิศทางการท่องเที่ยวในอนาคต
- 1. การท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ (Experiential Travel)
- 2. การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและ Wellness
- 3. การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและ Eco-Tourism
- 4. การท่องเที่ยวแบบ Workation
- 5. การท่องเที่ยวในประเทศ (Domestic Travel)
- 6. การใช้เทคโนโลยีในการท่องเที่ยว
- 7. การท่องเที่ยวแบบกลุ่มเล็กและส่วนตัว
- 8. การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์
- 9. การท่องเที่ยวเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Travel)
- 10. การท่องเที่ยวแบบ Luxury Travel
- บทสรุป:เทรนด์การท่องเที่ยว 2025 สำหรับคนไทย
- แหล่งอ้างอิง:
1. การท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ (Experiential Travel)

ในปี 2025 คนไทยจะให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวที่เน้นประสบการณ์เฉพาะตัวมากขึ้น แทนที่จะเป็นการเดินทางเพื่อถ่ายรูปหรือเช็กอินตามสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ ผู้คนจะมองหาประสบการณ์ที่ลึกซึ้งและมีความหมาย เช่น การเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น การทำกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ หรือการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ
- ตัวอย่าง: การฝึกทำอาหารพื้นเมืองในเชียงใหม่ การเรียนรู้ศิลปะการทอผ้าที่สุโขทัย หรือการเดินป่าในป่าอนุรักษ์
- ปัจจัยสนับสนุน: พฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการความแปลกใหม่และความประทับใจที่ยาวนาน
2. การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและ Wellness

เทรนด์การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพและ wellness จะยังคงมาแรงในปี 2025 คนไทยจะมองหาสถานที่พักผ่อนที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ
- ตัวอย่าง: สปา โยคะ การล้างพิษ (Detox) และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในธรรมชาติ
- ปัจจัยสนับสนุน: ความเครียดจากการทำงานและชีวิตในเมืองใหญ่ ทำให้ผู้คนต้องการการพักผ่อนที่ช่วยฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ
3. การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและ Eco-Tourism
การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะการเดินทางไปยังสถานที่ที่เน้นความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- ตัวอย่าง: การเลือกที่พัก Eco-friendly หรือการท่องเที่ยวที่ลดการสร้างคาร์บอนฟุตพริ้นท์
- ปัจจัยสนับสนุน: แนวโน้มโลกที่มุ่งสู่ความยั่งยืนและการตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม
4. การท่องเที่ยวแบบ Workation

การทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Remote Work) จะทำให้เกิดเทรนด์ Workation หรือการท่องเที่ยวพร้อมทำงานมากขึ้น
- ตัวอย่าง: การเดินทางไปยังสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะกับการทำงานและพักผ่อน เช่น ภูเขา ชายทะเล หรือรีสอร์ทที่มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
- ปัจจัยสนับสนุน: เทคโนโลยีที่ทำให้การทำงานจากระยะไกลเป็นไปได้อย่างสะดวกสบาย
5. การท่องเที่ยวในประเทศ (Domestic Travel)

การท่องเที่ยวในประเทศจะยังคงได้รับความนิยม โดยเฉพาะการสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน
- ตัวอย่าง: การเดินทางไปยังจังหวัดที่ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว เช่น บ้านผาฮี้ในแม่ฮ่องสอน หรือเกาะน้อยใหญ่ในภาคใต้
- ปัจจัยสนับสนุน: การส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศจากรัฐบาลและภาคเอกชน
6. การใช้เทคโนโลยีในการท่องเที่ยว

เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการวางแผนการท่องเที่ยว
- ตัวอย่าง: การใช้แอปพลิเคชันสำหรับการจองที่พัก การค้นหาสถานที่ท่องเที่ยว หรือการใช้ AR/VR เพื่อสำรวจสถานที่ก่อนเดินทาง
- ปัจจัยสนับสนุน: ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI และ AR/VR
7. การท่องเที่ยวแบบกลุ่มเล็กและส่วนตัว

คนไทยจะนิยมการท่องเที่ยวแบบกลุ่มเล็กหรือแบบส่วนตัวมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงความแออัดและเพิ่มความเป็นส่วนตัว
- ตัวอย่าง: การจองทริปส่วนตัวหรือการท่องเที่ยวแบบ Customized Travel
- ปัจจัยสนับสนุน: ความต้องการความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19
8. การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์

การท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์จะกลับมาได้รับความสนใจ
- ตัวอย่าง: การเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์หรือร่วมงานเทศกาลท้องถิ่น
- ปัจจัยสนับสนุน: ความต้องการเรียนรู้รากเหง้าและวัฒนธรรมของตนเอง
9. การท่องเที่ยวเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Travel)

คนไทยจะให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวที่คำนึงถึงความยั่งยืนมากขึ้น
- ตัวอย่าง: การเลือกใช้บริการที่ลดการสร้างขยะหรือการสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น
- ปัจจัยสนับสนุน: แนวโน้มโลกที่มุ่งสู่ความยั่งยืน
10. การท่องเที่ยวแบบ Luxury Travel

กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงจะมองหาประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบ Luxury มากขึ้น
- ตัวอย่าง: การจองที่พักระดับหรู การใช้บริการส่วนตัว หรือการท่องเที่ยวแบบ Exclusive
- ปัจจัยสนับสนุน: การเติบโตของกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง
บทสรุป:เทรนด์การท่องเที่ยว 2025 สำหรับคนไทย
ปี 2025 จะเป็นปีที่การท่องเที่ยวของคนไทยก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยเทรนด์ที่น่าสนใจและท้าทาย การท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการท่องเที่ยวเพื่อความยั่งยืนจะกลายเป็นหัวใจสำคัญของการเดินทาง นอกจากนี้ เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนโฉมการท่องเที่ยวให้สะดวกสบายและ personalized มากขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวที่ชอบการผจญภัย การพักผ่อน หรือการเรียนรู้วัฒนธรรม เทรนด์เหล่านี้จะช่วยให้คุณวางแผนการเดินทางในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แหล่งอ้างอิง:
- UNWTO (World Tourism Organization)
- Wellness Tourism Association
- แนวโน้มการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและ Wellness
- ลิงก์: https://www.wellnesstourismassociation.org
- Nielsen Thailand
- การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคไทยและแนวโน้มการท่องเที่ยว
- ลิงก์: https://www.nielsen.com/th/th/insights/
- McKinsey & Company
- แนวโน้มเทคโนโลยีการท่องเที่ยวและผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
- ลิงก์: https://www.mckinsey.com/industries/travel-logistics-and-infrastructure
- National Geographic
- การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และ Eco-Tourism
- ลิงก์: https://www.nationalgeographic.com/travel/sustainable-travel/
- Skift Research
- รายงานเกี่ยวกับเทรนด์การท่องเที่ยวในปี 2025 และ Workation
- ลิงก์: https://skift.com/research/
- Booking.com Travel Predictions 2025
- แนวโน้มการท่องเที่ยวจากข้อมูลการจองที่พัก
- ลิงก์: https://www.booking.com/articles/travel-trends-2025.html
- World Economic Forum (WEF)
- การท่องเที่ยวเพื่อความยั่งยืนและแนวโน้มโลก
- ลิงก์: https://www.weforum.org/agenda/archive/tourism/
บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเทรนด์การท่องเที่ยวของคนไทยในปี 2025 และเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางในยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย!
You must be logged in to post a comment.