ปราสาทนอยชวานสไตน์ ปราสาทในเทพนิยายที่คุณใฝ่ฝัน

ปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castle) 

ถ้าพูดถึงปราสาทตามเทพนิยายต่างๆที่เราได้ดูผ่านหูผ่านตาในละคร หรือ ชมผ่านการ์ตูน รวมถึงภาพยนต์ ทุกท่านคงคิดว่าปราสาทดหล่านั้นที่ทุกคน เห็นคงไม่มีอยู่จริง แต่เชื่อไหมหรือไม่ว่าสิ่งที่ท่านคิดมันกลับมีอยู่จริงและยังคงมีสภาพที่คงความสวยงามดั่งในเทพนิยาย วันนี้ขอยกตัวอย่างปราสาท ที่มีความสวยงามดั่งเทพนิยาย นั้นก็คือ ปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castle)นับเป็นปราสาทที่โด่งดังที่สุดในโลก อยู่ในแคว้นบาวาเรียทางตอนใต้ของประเทศประเทศเยอรมนี ติดเทือกเขาแอลป์

ปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castle) 

สร้างขึ้นบนยอดเขาลูกระหว่างปี ค.ศ. 1869 – 1886 นับตั้งแต่วันที่เริ่มสร้างจนถึงปัจจุบันปราสาทแห่งนี้มีอายุราว 140 ปี สร้างขึ้นโดยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งรัฐบาวาเร(โดยพระองค์ทรงมีพระชนม์ชีพระหว่าง 25 สิงหาคม พ.ศ. 2388 – 13 มิถุนายน พ.ศ. 2429) ในสมัยนั้นเยอรมันยังไม่ได้รวมกันเป็นประเทศเหมือนในปัจจุบัน แคว้นเล็กๆต่างปกครองกันเอง มีกษัตริย์ของตัวเอง กษัตริย์ลุดวิกทรงขึ้นครองราชย์ตั้งแต่พระองค์พระชนมายุเพียง 18 ชันษา เป็นกษัตริย์อารมณ์ศิลป์ สนใจศิลปะ ดนตรี และวรรณกรรม มากกว่าจะสนใจปกครองบ้านเมือง พระองค์ทรงนิยมสร้างปราสาท หลงไหลในตำนานพื้นบ้านเกี่ยวกับเทพของเยอรมันและพวกไวกิ้ง และชื่นชอบอุปรากรของริชาร์ด วากเนอร์ (Richard Wagner) เป็นชีวิตจิตใจ จนพวกขุนนางทนไม่ไหว ตั้งข้อหาสติวิปลาส แล้วปลดพระองค์ลงจากตำแหน่งหลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีคนพบพระศพจมน้ำตายอย่างปริศนา

ปราสาทแห่งนี้ รายล้อมไปด้วยภูมิทัศน์ที่สวยงามของเทือกเขาแอลป์และ ทะเลสาบที่อยู่ด้านล่าง จุดประสงค์ของการสร้างปราสาทนี้เพื่อให้ ผสานกลมกลืนไปกับธรรมชาติอันงดงามรอบด้าน ปกติการสร้างปราสาทจะต้องมีสวนที่สวยงามเป็นบริเวณกว้างและมีการสร้างบ่อน้ำพุในสวน แต่ปราสาทนอยชวานสไตน์ไม่จำเป็นต้องมีสวน เพราะมีธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์รายล้อมอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีน้ำพุเพราะมีน้ำตกทางธรรมชาติอยู่ใกล้ ๆนั้นเอง ปราสาทนอยชวานชไตน์ ถูกออกแบบโดยคนออกแบบฉากละคร ทำให้ปราสาทแห่งนี้เหมือนปราสาทในจินตนาการมากกว่าปราสาทแห่งอื่น นอกจากนี้ปราสาทแห่งนี้ยังถูกสร้างขึ้นด้วยเงินทุนมหาศาล ในปี 1886 การสร้างปราสาทนอยชวานชไตน์ แห่งนี้มิใช่เรื่องง่ายดายนัก เนื่องจากในสมัย ค.ศ.1869 นั้น ปราศจากเทคโนโลยีเครื่องอำนวยความสะดวกทั้งมวล วัสดุอุปกรณ์ที่นำมาบรรจงสร้างสรรค์ ล้วนมีน้ำหนักและปริมาณมากมายมหาศาล ถูกลำเลียงเคลื่อนย้ายไปสู่สถานที่ก่อสร้างปราสาทอันตั้งอยู่ไกลโพ้นที่หลบเร้นจากโลกภายนอก หินอ่อน 465 ตัน หินทราย 4,550 ตัน อิฐ 400,000 ก้อน ทราย3,600 ลูกบาศก์เมตร ซีเมนต์ 600 ตัน และสิ่งสำคัญคือการใช้ไม้เพื่อแกะสลักทั้งสิ้น 2,050 ลูกบาศก์เมตร และใช้กำลังสติปัญญาแรงงานจากช่างผู้ชำนาญและ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมากมาย โดยใช้เวลาทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 17 ปี ภายนอกของปราสาทอาจถูกสร้างให้ดูเหมือนปราสาทในยุคกลาง แต่ภายในเต็มไปด้วยศิลปะในยุคต่างๆ ไบแซนไทน์ โรมันเนสก์ และ โกธิก นอกจากนี้ พระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งรัฐบาวาเรีย ยังมีหัวก้าวหน้าในการ นำเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สุดมาใช้ในปราสาทแห่งนี้ ทั้งระบบไฟฟ้า ประปา แถมยังมีโทรศัพท์ในปราสาทอีกด้วย มีระบบทำน้ำร้อนน้ำเย็นพร้อมเสร็จแต่ทว่าหลังนี้ เพิ่งได้รับขนานนามว่า “นอยชวานชไตน์” ก็ต่อเมื่อหลังจากที่ กษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ได้เสด็จสวรรคตแล้ว

ทุกคนคงสงสัยใช่มั้ยว่าชื่อของปราสาทแปลว่าอะไร……??

ชื่อของปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein) มีความหมายดังนี้

neu = new แปลว่า ใหม่

schwan = swan แปลว่า หงส์

stein = stone แปลว่า หิน

ฉะนั้น นอยชวานสไตน์ จึงแปลว่า New Swan Stone Castle หรือปราสาทหินหงส์ไหม้ ถ้าออกเสียงผิดเป็นนอยชไวน์สไตน์ (Neuschweinstein) เพราะ schwein แปลว่าหมู จะกลายเป็น New Pig Stone Castle หรือปราสาทหินหมูใหม่ ปราสาทนอยชวานสไตน์เป็นปราสาทที่ยังสร้างไม่เสร็จ เพราะเมื่อพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งรัฐบาวาเรีย ทรงสิ้นพระชนม์ลงปราสาทแห่งนี้ได้ถูกสร้างไปเพียง 1 ใน 3 ของแผนที่วางไว้ และพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งรัฐบาวาเรีย เองก็เสด็จมาประทับที่ปราสาทแห่งนี้เพียง 170 วันเท่านั้น หลังจากที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ลง

ต่อมา เชื้อสายของพระองค์ได้เปิดให้ประชาชนได้ชื่นชมภายในบางส่วน โดยเก็บค่าเข้าชมเป็นค่าทะนุบำรุงซ่อมแซม และทำรายได้มหาศาลให้กับรัฐในภายหลัง ถ้าเป็นช่วงหน้าร้อนของยุโรปนักท่องเที่ยวจะแน่นขนัด มีทั้งคนเยอรมันเองและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ต้องการมาชมปราสาทในเทพนิยายแห่งนี้ซักครั้งเป็นบุญตา

ถ้าหากทุกคนกำลังมองหาสถานท่องเที่ยวที่แสนจะโรแมนติกและงดงามเหมือนดั่งเทพนิยายเรา     ขอแนะนำ ปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castle) แห่งนี้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อคุณไปเยือนประเทศเยอรมันอย่างแน่นอน…………….