ทัวร์ส่วนตัว (Private Tour) ทัวร์วันเดอร์ฟูลแอลป์ 11 วัน WONDERFUL ALPS 10 Days เที่ยวเจาะลึกเส้นทางเทือกเขาแอลป์ เริ่มต้นจากประเทศออสเตรีย เยอรมัน อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์
ประเทศที่เดินทางในทัวร์วันเดอร์ฟูลแอลป์ 11 วัน
- ออสเตรีย แคว้นทิโรลดินแดนแห่งขุนเขาที่มีมนต์เสน่ห์น่าหลงใหล คิทช์บูเฮล เซนต์แอนตัน เลค และเซเฟลด์ สกีรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงและงดงามที่สุดในออสเตรียนแอลป์
- อิตาลี โดโลไมท์ เทือกเขาแสนงดงามในอิตาเลี่ยนแอลป์ เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติเพียงแห่งเดียวของอิตาลี ดินแดนแห่งตำนานว่าด้วยคนแคระ แม่มด ยักษ์กินคน และมังกร ตามที่ราบเชิงเขาและยอดเขาสูงที่ใช้ปิดช่องทางลับสู่ดินแดนใต้ภิภพ คอร์ติน่า ดอมบาสโซ่ สกีรีสอร์ทที่ได้สมญานามว่าเป็นไข่มุกแห่งเทือกเขาโดโลไมต์ สัมผัสเส้นทางตระการตาของอิตาเลี่ยนแอลป์ จากคอร์ติน่า ดอมบาโซ่ ไปยังโบลซาโน่ เส้นทางที่สวยที่สุดเส้นทางหนึ่งบนเทือกเขาแอลป์
- สวิตเซอร์แลนด์ กรินเดลวาลด์ สกีรีสอร์ทที่แสนสวยงามน่าประทับใจ และมีชื่อเสียงที่สุดในดินแดนเบอร์นิส โอเบอร์แลนด์ นั่งรถไฟหัวรถจักรไอน้ำสายที่เก่าแก่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ BRIENZER ROTHORN BANH ขึ้นสู่ยอดเขาโรธอนเพื่อชมทิวทัศน์อีนตระการตาดินแดนแถบนี้ และไปพักผ่อนที่หมู่บ้านเล็กๆ บนหน้าผา ที่มีทิวทัศน์น่าหลงใหลที่สุดอีกสักครั้ง หมู่บ้านมูร์เริน
- เยอรมัน เยือนเมืองเบคเทสกาเดน เมืองแสนน่ารักในเส้นทางสายเยอรมัน อัลไพน์โรด ย้อนประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เกี่ยวข้องกับเยอรมันนาซีนั่นคือ อีเกิลเนสท์ หรือ รังพญาอินทรีย์ เรือนรับรองของฮิตเลอร์ ส่วนที่รอดพ้นจากการทำลายจากฝ่ายพันธมิตรสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 บนยอดเขาสูงติดพรมแดนออสเตรียที่ทิวทัศน์แสนงดงาม
กำหนดการเดินทาง ทัวร์วันเดอร์ฟูลแอลป์ 11 วัน
1️⃣วันแรกของการเดินทาง สนามบินสุวรรณภูมิ – มิวนิค(ประเทศเยอรมัน)
22.30 น. พร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ D โดยสาย
การบินไทย พบกับเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกก่อนเดินทาง
00.05 น. ออกเดินทางสู่ มิวนิค ประเทศเยอรมันนี โดยสายการบิน ไทยที่ TG 924
2️⃣วันที่สองของการเดินทาง มิวนิค(เยอรมัน) – คิทช์บือเฮล(ออสเตรีย) – ทะเลสาบ Braies – คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่(อิตาลี)
07.05 น. เดินทางถึง มิวนิค (Munich) ประเทศเยอรมันนี (เวลาช้ากว่าเมืองไทย 5 ชั่วโมง)
หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง / นำท่านเดินทางจากเมืองมิวนิคแคว้นบาวาเรีย ของเยอรมัน สู่แคว้นทีโรลของออสเตรีย ไปตามเส้นทางแสนสวยที่เรียกว่า Unseen Imperial Alps ซึ่งห่างกันแค่ทิวเขากั้นเท่านั้น บาวาเรียและทีโรลจึงเสมือนหนึ่งเดียวกันที่ผสมผสานทั้งวัฒนธรรม ธรรมชาติที่งดงาม ทะเลสาบ ภูเขา และหมู่บ้านชนบทที่แสนงดงาม มีผู้เปรียบเทียบทั้งสอง เป็นดั่งอัญมณีล้ำค่ากลางดินแดนยุโรปโรแมนติก (ระยะทาง 127 กม. เราข้ามพรมแดน เดินทางถึงเมือง คิทช์บือเฮล) เมืองคิทช์บือเฮล เป็นหนึ่งในสี่สกีรีสอร์ท Best Of The Alps ของออสเตรีย ทั้งสี่แห่งประกอบด้วย คิทช์บือเฮล เซนต์แอนตอน เลค และเซเฟลล์ คิทช์บือเฮลอยู่ในอ้อมกอดของเทือกเขาแอลป์ทิวทัศน์งดงาม ขุนเขารอบคิทช์บือเฮลช่วยให้เมืองนี้มีชื่อกระฉ่อน โดยเฉพาะ คิทช์บือเฮลด้านตะวันออก ฮาเนนคัมม์ ทางด้านตะวันตก และวิลเดอร์ไคเซอร์ ทางด้านเหนือ คิทช์บือเฮลเป็นแหล่งตากอากาศและสถานที่เล่นกีฬาฤดูหนาวที่ติดอันดับโลก เคยเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในปี ค.ศ.1956 เป็นเมืองยุคกลาง ที่มีกำพงล้อมรอบมีสถาปัตยกรรมแบบบาร็อกให้ชม แต่ในตัวเมืองถนนหนทางกลับทันสมัยหลากหลายและมีสีสันที่สุดในแหล่งสกีรีสอร์ทด้วยกัน นี่คือสองในสี่สกีรีสอร์ท Best Of The Alps ของออสเตรียที่คณะของเรายังไม่เคยมาเยือน และอีกหนึ่งคือ เซนต์แอนตัน ที่เราจะต้องไปเยือนให้ครบทั้งสี่แห่งในครั้งนี้


เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ที่ภัตตาคาร
บ่าย อำลาแคว้นทีโรล ออสเตรีย ข้ามพรมแดนสู่ประเทศอิตาลี ไปตามเส้นทางอิตาเลียนแอลป์อันแสนงดงาม สู่แคว้นเวนเนโต้ทางตอนเหนือของอิตาลี มุ่งหน้าสู่ทะเลสาบ Braies (ระยะทาง 153 กม.) ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ FANES SENNES BRAIES เขตป่าสงวนที่ใหญ่ที่สุดใจกลางเทือกเขาโดโลไมท์ เพื่อชมความงดงามของทะเลสาบ Braies ว่ากันว่าที่นี่เป็นประตูสู่ดินแดนใต้ภิภพตามตำนานภาษาละตินว่า ทุกๆร้อยปีในคืนพระจันร์เต็มดวงเจ้าหญิงในตำนานจะออกมาจากเนินเขา SASS DIA PORTA ภาษาลาตินหมายถึง “ประตูบนภูเขา” ทรงพายเรือรอบๆทะเลสาบ พร้อมส่งเสียงแตรที่ดังกึกก้องไปทั่วเทือกเขาโดโลไมท์ บ้างก็ว่าครั้งหนึ่งเคยมีถ้ำตรงเนินเขา ก่อนจะมีหินถล่มปิดปากถ้ำ เหมือนจะฝังเจ้าหญิงไว้ ขัดขวางไม่ให้คืนความรุ่งโรจน์แก่อาณาจักของพระองค์ตลอดกาล ทะเลสาบ Braies ตั้งอยู่ริมขอบทางทิศเหนือของอุทยานมีทางเดินอย่างดีเป็นวงกลมรอบทะเลสาบ ใช้เวลาเดินประมาณ 90 นาที จุดเริ่มต้นที่โรงแรม PRAGSER WILDSEE รอบๆคือเชิงเขาในตำนาน และผืนป่าร่มรื่นด้วยทิวทัศน์งดงาม เมื่อครั้งที่ OLIVER SMITH นักเขียน LONELY PLANET TRAVELLER ลงไปว่ายน้ำในทะเลสาบแห่งนี้เพียง 2 นาที เขาต้องกลับขึ้นบนรถเปิดเครื่องทำความร้อนใช้เวลาอบอุ่นร่างกายอยู่นาน 2 ชั่วโมง เมื่อเราเที่ยวชมได้เวลาอันสมควร ออกเดินทางสู่ CORTINA D’AMPEZZO ระยะทาง 45 กม.

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่ภัตตาคาร
เข้าสู่ที่พักโรงแรม Boutique Hotel Villa Blu Cortina หรือเทียบเท่า
http://www.hotelcortinadampezzo.com/
3️⃣วันที่สามของการเดินทาง คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่ – คอร์ติซิ – เนินเขา Aple Di Siusi
เช้า รับประทานอาหารเช้า ที่โรงแรม
หลังอาหารเช้าเที่ยวชมเมือง คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่ เมืองสกีรีสอร์ทที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติเทือกเขาโดโลไมท์ (DOLOMITE) คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่ สกีรีสอร์ท BEST OF THE ALPS เพียงแห่งเดียวของอิตาลีที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10สกีรีสอร์ทที่ดีที่สุดในโลก เคยใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 1956 และเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์ 007 ตอน FOR YOUR EYE ONLY เมืองนี้อยู่สูงจากน้ำทะเล 1,219 เมตร ได้รับการขนานนามว่าเป็น ไข่มุกแห่งเทือกเขาโดโลไมท์ เป็นสถานที่ตากอากาศตลอดปีของชนชั้นสูงและบรรดาหนุ่มสาว ที่ไม่ได้มาเพียงเพื่อเล่นสกีเท่านั้น แต่ในหน้าร้อนมักนิยมท่องเที่ยวแบบ HIKING ปีนเขาชมทิวทัศน์ที่มีชื่อเสียง ได้เวลาอันสมควรออกเดินทางสู่เส้นทางโดโลไมท์ เส้นทางบนภูเขาสูงที่เชื่อมต่อระหว่างเมือง คอร์ติน่า ดอมปาสโซ กับเมือง โบลซาโน่ (BOLZANO) คณะเราจะมุ่งหน้าสู่ SEIS AM SCHLERN เมืองเริ่มต้นที่เราจะขึ้นกระเช้าสู่เนินเขา APLE DI SIUSI เส้นทางที่กล่าวนี้เป็นบททดสอบศาสตร์วิศวกรรมการสร้างถนน ใจกลางเขตภูเขาที่เรียกว่า PAZZO DEL PORDOI ของอิตาลี เป็นที่โปรดปรานของคนรักภูเขาบนเส้นทางขับรถหฤโหด แต่ทิวทัศน์สองข้างทางแสนงดงาม ยอดเขาที่ทอดยาวราวกับฟันเลื่อยอันแหลมชันในเทือกเขาโดโลไมท์ ทิวทัศน์ ทุ่งหญ้าป่าสน ลำธาร ทะเลสาบสนสวย และกระท่อมไม้ชนบท เส้นทางนี้เราผ่านเมือง ORTISEI เมืองท่องเที่ยวที่สำคัญในการท่องเที่ยวเทือกเขาโดโลไมท์

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ที่ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมือง SEIS AM SCHLERN เพื่อขึ้นกระเช้าสู่ที่พักโรงแรมบนเนินเขา Alpe di Siusi (คณะต้องจัดเตรียมสัมภาระเพื่อใช้ 1 คืนใส่กระเป๋าเป้ติดตัวไป) นั่งกระเช้า 15 นาที เราก็จะขึ้นสู่บนเนินเขาที่เราเรียกว่า “ALPE DI SIUSI” เราจะได้สัมผัสความงดงามอันประหลาดมหัศจรรย์ของดินแดนเทือกเขาโดโลไมท์ จากมุมสูงรอบด้าน ชมทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่ของหุบเขา โตรกผา โดยมีเทือกเขา SASOLUNGO MOUNTAIN RANGE ที่มีรูปทรงประหลาดยอดเขาแหลมชันเป็นจุดเด่น มีเส้นทางเดินลัดเลาะสู่จุดชมวิวต่างๆให้ท่านมีเวลาเก็บภาพสวยๆอันประทับใจก่อนเข้าสู่ที่พักที่ตั้งอยู่บนเขาพร้อมชมบรรยากาศยามพระอาทิตย์ตก

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่ภัตตาคาร
เข้าสู่ที่พักโรงแรม HOTEL BELLAVISTA หรือเทียบเท่า
http://www.bellavista-seiseralm.com/
4️⃣วันที่สี่ของการเดินทาง Aple Di Siusi – โบลซาโน่ – กรินเดลวาลด์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ที่โรงแรม
หลังอาหารเช้าอำลา Alpe di siui ขึ้นกระเช้าลงสู่ด้านล่าง ออกเดินทางโดยรถโค้ชสู่เมือง โบลซาโน (BOLZANO) (ระยะทาง 23 กม.) เมือง ยุคกลางเชิงเทือกเขาแอลป์ที่รุ่งเรืองตั้งแต่ยุคโรมัน งดงามด้วยจัตุรัส โบสถ์ วิหาร เมืองโบลซาโน่รู้จักกันทั่วไปเมื่อครั้งที่ NATIONAL GEOGRAPHIC ไปถ่ายทำสารคดี การค้นพบซากมนุษย์ที่ฝั่งอยู่ใต้หิมะบนยอดเขาสูงในแคว้นทีโรลของออสเตรีย มีการนำร่างนั้นมาไว้ที่เมืองโบลซาโน่ เรียกกันว่ามนุษย์หิมะแห่งโบลซาโน่ ที่เป็นข่าวไปทั่วโลก มีการผ่าพิสูจน์ร่างนี้โดยผู้เชี่ยวชาญหลายครั้งผลสรุปคือเป็นร่างของชายวัยประมาณ 30 ปี ร่างกายห่อหุ้มด้วยเครื่องกันหนาวขนสัตว์ มีอาวุธโบราณเป็น หอก และธนูตกอยู่ข้างกาย คาดว่าเป็นพรานล่าสัตว์บนเทือกเขาแอลป์ และอาจเสียชีวิตเนื่องจากถูกทำร้ายจากพรานล่าสัตว์ด้วยกัน และซากถูกทับถมด้วยหิมะจนหนารักษาร่างกายนี้เอาไว้อย่างดี คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วกว่า 3,000 ปี แต่ด้วยสภาวะโลกร้อนในปัจจุบันน้ำแข็งบนยอดเขาละลายจึงพบร่างนี้ ปัจจุบันร่างของ มนุษย์หิมะแห่งเทือกเขาแอลป์ ที่มีอายุมากกว่ามัมมี่ของอียิปต์ ถูกเก็บรักษาด้วยการแช่แข็งอย่างดีที่พิพิธภัณฑ์แห่งเมืองโบลซาโน่ แห่งนี้ *** แต่เราจะแวะเพื่อชมเมืองเท่านั้น เพราะว่าเราจะต้องเดินทางไกล เข้าสู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตอนกลาง ไปยังเมือง กรินเดลวาลด์ (ระยะทางจาก โบลซาโน – กรินเดลวาลด์ 514 กม.)

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ที่ภัตตาคาร ระหว่างทาง
บ่าย เดินทางต่อเข้าสู่ เมืองกรินเดลวาลด์ ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (GRINDELWALD) ซึ่งหมายถึงหมู่บ้านธารน้ำแข็ง เป็น 1 ใน 4 สกีรีสอร์ท BEST OF ALPS ของสวิตเซฮร์แลนด์ ประกอบด้วย กรินเดลวาลด์ ดาวอส เซอร์แมท และเซนต์มอริสต์ กรินเดลวาลด์ตั้งอยู่บนเชิงเขาไอเกอร์ที่ตั้งตระหง่าน หนึ่งในสามขุนเขา ยุงเฟรา ไอเกอร์ และมองซ์ ตังเมืองตั้งอยู่บนถนนสายหลัก แต่หมู่บ้านจะกระจัดกระจายไปตามที่ลาดเชิงเขา มองลงมาเห็นบ้านแบบสวิตชาเล่ต์เป็นหลังๆ งดงามราวกับบ้านตุ๊กตา เมืองนี้เป็นจุดเริ่มต้นนั่งรถไฟสู่ยอดเขาจุงเฟรา เมื่อรถไฟขึ้นสู่เนินเขาสูงจะเห็นทิวทัศน์ของกรินเดลวาลด์จากมุมสูง เราจะพักกันที่นี่ 2 คืน เพื่อเป็นฐานในการท่องเที่ยวดินแดน เบอร์นิสโอเบอร์แลนด์ หรือดินแดนจุงเฟรา
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่ภัตตาคาร
เข้าสู่ที่พักโรงแรม Eiger Hotel หรือเทียบเท่า
http://www.eiger-grindelwald.ch/en/hotel-eiger
(คณะต้องจัดเตรียมสัมภาระเพื่อใช้ 1 คืนใส่กระเป๋าเป้ติดตัวไปในวันพรุ่งนี้)
5️⃣วันที่ห้าของการเดินทาง กรินเดลวาล์ด – อินเทอลาเก้น – ทะเลสาบ Brienz – นั่งรถไฟขึ้นเขาโรธอน
เช้า รับประทานอาหารเช้า ที่โรงแรม
ออกเดินทางสู่เมืองอินเทอลาเก้น ระยะทาง 21 กม. เป็นเมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่สำคัญในเขตเบอร์นิส
โอเบอร์แลนด์ ที่หมายถึงดินแดนตอนกลางของประเทศ หรือดินแดนแห่งยุงเฟรา ที่แสนงดงาม อินเทอร์ลาเก้นตั้งอยู่ระหว่าง 2 ทะเลสาบ คือทะเลสาบธุน และ ทะเลสาบเบรียนซ์ ยอดเขาสามขุนเขาที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปีคือ ยุงเฟรา ไอเกอร์ และมองซ์ เรียงตัวกันด้านซายด้านขวาคือยอดเขา ชิลธอร์น ยอดเขาทั้งหมดตระหง่านง้ำคนละด้านของหุบเขาเลาเทอร์บรุนเนน โดยยอดเขายุงเฟรา เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดระดับ 4,158 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีเวลาให้ท่านได้เดินเล่นในเมืองอินเทอลาเก้น หรือเดินช้อปปิ้งค์สินค้าพื้นเมือง หรือนาฬิกาสวิสกันก่อน

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ที่ภัตตาคารจีน
บ่าย เดินทางสู่ทะเลสาบ เบรียนซ์ (BRIENZ)ระยะทาง 16.7 กม. เป็นเมืองรีสอร์ทในเขตเบอร์นิสโอเบอร์แลนด์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สะอาดที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ จากนั้นนำท่านไปยังสถานีรถไฟเพื่อเดินทางขึ้นสู่ ยอดเขาโรธอน (ROTHORN) โดยนั่งรถไฟหัวจักรไอน้ำที่เก่าแก่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ คือรถไฟภูเขาสาย BRIENZ ROTHORN BAHN ที่เปิดให้บริการในเส้นทางนี้ตั้งแต่ ค.ศ.1892 จนถึงปัจจุบันเปิดบริการมาแล้ว 122 ปี ใช้เวลาเดินทางสู่ยอดเขา 1 ชั่วโมง ยอดเขาโรธอน สูง 2,346 เมตรจากระดับน้ำทะเล จากจุดนี้ท่านสามารถเห็นทิวทัศน์มุมกว้างของดินแดนเบอร์นิสโอเบอร์แลนด์ได้สุดสายตา ทะเลสาบเบรียนซ์สีเขียวอมฟ้าเบื้องล่าง โดยมียอดเขายุงเฟรา ไอเกอร์ และโฮซ์เกน ที่มีหิมะปกคลุมสวยงามเป็นฉากหลัง ถ้ามีเวลาพอบนยอดเขาท่านสามารถเดินเท้า ไปชมความงามของธรรมชาติของภูเขา KEMMERRIBODEN ได้เวลาพอสมควรเดินทางลงโดยรถไฟสู่เบื้องล่าง จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง กรินเดลวาลด์
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่ภัตตาคาร
เข้าสู่ที่พักโรงแรม Eiger Hotel หรือเทียบเท่า
http://www.eiger-grindelwald.ch/en/hotel-eiger
6️⃣วันที่หกของการเดินทาง กรินเดลวาลด์ – ยอดเขาชิลธอร์น – มูร์เรนหมู่บ้านบนหน้าผา
เช้า รับประทานอาหารเช้า ที่โรงแรม
ออกเดินทางสู่หมู่บ้านในหุบเขา เลาเทอร์บรุนเนน (LAUTERBRUNNEN) ไม่ไกลจากกรินเดลวาลด์ เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในหุบเขาที่ได้ชื่อว่าเป็นหุบเขารูปตัวยูที่ชันที่สุดในโลก อยู่ท่ามกลางขุนเขาเลื่องชื่อสามลูก มีน้ำตกมากกว่า 70 แห่งเป็นสถานีรถไฟต้นทางสู่ยอดเขายุงเฟรา คู่กับสถานีกริเดลวาลด์ เราจะขึ้นกระเช้าไฟฟ้าเดินทางขึ้นสู่ ยอดเขาชิลธอร์น (SCHILTHORN) ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,971 เมตร เป็นยอดเขา ที่สูงที่สุดอีกยอดหนึ่งในเขตเบอร์นิสโอเบอแลนด์ อยู่คนละด้านกับสามขุนเขา พิต กลอเรีย (PIZ GLORIA) คือจุดที่สูงที่สุดของยอดเขาชิลธอร์น มีภัตตาคารชื่อเดียวกับยอดเขาคือ ภัตตาคาร พิต กลอเรีย เป็นภัตตาคารชมวิวที่หมุนรอบ 360 องศา ต่อหนึ่งรอบในหกสิบนาที ณ จุดนี้สามารถชมความงามของสามขุนเขาได้อย่างเต็มตา ในวันที่อากาศแจ่มใสท่านสามารถมองไปได้ไกลถึงเขตป่าดำ ทางตอนใต้ของเยอรมันเลยทีเดียว
****คณะจะเริ่มต้นนั่งกระเช้าจากสถานี Lauterbrunnen สู่สถานี Glutshap และต่อด้วยรถไฟรางสู่หมู่บ้านมูร์เริน หลังจากแวะโรงแรมฝากกระเป๋าสัมภาระ เราจะนั่งกระเช้าเพื่อขึ้นสู่ พิต กลิเรีย BirgPiz GloriaMurren
หลังจากลงมายังหมู่บ้านมูร์เรน ในช่วงบ่ายสามโมง เราจะพาท่านนั่งรถรางขึ้นสู่ Allmendhubel ขึ้นและลง *** หากท่านใดจะเดินเท้าลงเพื่อชมธรรมชาติ แล้วแต่ความสะดวก***
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ที่ภัตตาคาร PIZ GLORIA พร้อมชมทิวทัศน์ ที่นี่เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์ 007 ตอน ON HER MAJESTY SECRET SERVICE ด้านล่างของภัตตาคารมีโรงภาพยนตร์ฉายภาพยนตร์ตำนาน เจมส์ บอนด์ 007 ให้ชมอีกด้วย
บ่าย ได้เวลาอันสมควรนำท่านลงจากยอดเขา พิต กลอเรีย ด้วยกระเช้าไฟฟ้าลงสู่หมู่บ้าน มูร์เรน (MURREN) ที่สูงระดับน้ำทะเล 1,650 เมตร เป็นหมู่บ้านที่อยู่กึ่งกลางระหว่างหุบเขาเลาเทอร์บรุนเนน กับยอดเขาชิลธอร์น มูร์เรินเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนหน้าผาที่ยื่นออกไปในอากาศ ด้านล่างคือหุบเขาเลาเทอร์บรุนเนน เป็นหมู่บ้านปลอดสารพิษไม่มีรถยนต์ต้องเดินเท้าเท่านั้น การคมนาคมกับที่อื่นๆ ด้วยรถไฟภูเขา และกระเช้าเท่านั้น เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ประชากรประมาณ 700-800 คน มีถนนลัดเลาะไปตามทุ่งหญ้า และบ้านชนบทพร้อมทัศนียภาพสูงๆ ต่ำๆ ของเนินเขา ในหน้าร้อนทุกๆบ้านเรือนจะแข่งขันกันปลูกไม้ดอก ประดับประดาให้สวยงาม ตามหน้าบ้าน หน้าต่าง งดงามยิ่งนัก เหนือหมู่บ้านขึ้นไป 257 เมตร นำท่านขึ้น เคเบิลคาร์สู่จุดชมวิว อัลลเมนด์ฮิวเบล (ALLMENDHUBEL) ที่นี่คือจุดชมวิวของสามขุนเขา ได้อย่างสวยงามสุดสายตา ของยอดเขา ยุงเฟรา (JUNGFRAU)หมายถึงสาวน้อย ไอเกอร์(EIGER) หมายถึงชายหนุ่ม และมองค์(MONCH)หมายถึงพระ มีภัตตาคารร้านอาหารและเครื่องดื่ม และลานชมวิว ที่น่าตื่นตา รอบด้านล้อมรอบด้วยขุนเขาน้อยใหญ่ มีเวลาเก็บภาพประทับใจได้เต็มที่ สิ่งที่ไม่น่าพลาดขาลงจากยอดเขาลงสู่หมู่บ้านมูร์เรน ผู้ไม่กลับลงด้วยเคเบิลคาร์ จะมีเส้นทางเดินชมธรรมชาติลงจากยอดเขาใช้เวลาเดินทางลงประมาณ 45 นาที เป็นเส้นทางชมทิวทัศน์ขุนเขาที่งดงามตระการตายิ่ง ระหว่างทางจะมีร้านเครื่องดื่มให้บริการ แวะหยุดพักเพื่อชมบรรยากาศได้อีกด้วย


ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่ภัตตาคาร
เข้าสู่ที่พักโรงแรม HOTEL EIGER SWISS QUALITY หรือเทียบเท่า
http://www.hoteleiger.com/en/
7️⃣วันที่เจ็ดของการเดินทาง มูร์เริน – เซนต์แอนตัน(ออสเตรีย)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ที่โรงแรม
08.00 น. อำลาหมู่บ้านมูร์เรน ด้วยกระเช้าไฟฟ้า สู่ด้านล่างสถานี เลาเทอร์บรุนเนน จากนั้นออกเดินทางโดยรถโค้ชมุ่งหน้าสู่ประเทศออสเตรีย แวะเมือง วาดุช เมืองหลวงของประเทศ ลิคเค่นสไตน์
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ที่ภัตตาคาร
บ่าย ออกเดินทางข้ามพรมแดนสวิส สู่ออสเตรีย เป้าหมายอยู่ที่ เชนต์แอนตัน แคว้นทีโรลดินแดนแห่งขุนเขาของออสเตรียอีกครั้ง ออสเตรียมีสกีรีสอร์ทระดับ BEST OF THE ALPS รวมสี่แห่งคือ คิทช์บือเฮล(KITZBUHEL) ซีเฟลล์ (SEEFELD) เลค (LECH) และเซนต์แอนตัน (ST.ANTON) ล้วนอยู่ในแคว้นทีโรลทั้งสิ้น เชนต์แอนตัน อยู่ในเทือกเขาอาร์ลเบิร์ก (ARLBERG) อยู่ใกล้กับเมืองเลค สกีรีสอร์ทแสนสวย เชนต์แอนตันอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,304 เมตร มีแม่น้ำอินน์ที่ใสไหลเอื่อยผ่าน มีประชากรประมาณ 2,300 คน เมืองนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีเสน่ห์ บ้านเรือนและรีสอร์ทเรียงรายตามหุบเขางดงาม เคยเป็นเจ้าภาพแข่งขันกีฬาฤดูหนาวระดับโลก เช่น การแข่งขันดาวน์ฮิลล์ EUROPE WORLD CUP และใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลี่วู๊ด เรื่อง DOWNHILL RACERนำแสดงโดย ROBERT REDFORD เซนต์แอนตันยังคงสภาพธรรมชาติที่แสนบริสุทธิ์ กิจกรรมของเราที่นี่คือการเดินชมทิวทัศน์ ทิวเขา ป่าสน ลำธาร และดอกไม้ และการขึ้นกระเช้าไฟฟ้า ชมความงามทิวทัศน์ในมุมสูง GAMPENBAHN จากเซนต์แอนตัน สู่ยอดเขา GAMPEN
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่ภัตตาคาร
เข้าสู่ที่พักโรงแรม M3HOTEL หรือเทียบเท่า
http://www.m3hotel.at/en
8️⃣วันที่แปดของการดินทาง เซนต์แอนตอน – เลค – เบคเทสกาเดน(เยอรมัน)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ที่โรงแรม
ออกเดินทางสู่เมือง เลค (LECH) สกีรีสอร์ทคู่กันอยู่ในเขตเทือกเขาอาร์ลเบิร์ก ห่างกันไม่ไกลนัก เลคเป็นหมู่บ้านสกีรีสอร์ทเล็กๆ ภายในตัวหมู่บ้านทิวทัศน์ และบรรยากาศช่างแสนงดงาม มีแม่น้ำเล็กๆไหลผ่านกลาง ได้ชื่อว่ามีบรรยากาศแบบอัลไพน์โบราณกว่า 700 ปี หน้าหนาวเป็นที่พักผ่อนของราชวงศ์และบุคคลสำคัญชั้นสูงของยุโรป เมื่อครั้งที่ยังทรงพระชนม์ชีพที่นี่คือสถานที่ ที่ เจ้าหญิงไดอาน่า ทรงโปรดปราณที่จะนำพระโอรสทั้งสอง มาทรงเล่นสกีที่นี่ทุกหน้าหนาว ด้วยธรรมชาติและความงามที่สมบรูณ์ทำให้ เลค สามารถคว้ารางวัล THE MOST BEAUTIFUL VILLAGE IN EUROPE 2004 จากงาน TOWN AND VILLAGE IN BROOM มาครอง ให้ท่านได้ชมเมืองเก็บภาพประทับใจ จากนั้นออกเดินทางต่อสู่เส้นทาง อัลไพน์ ข้ามพรมแดนสู่ เยอรมัน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ที่ภัตตาคาร
บ่าย เดินทางตามเส้นทางอัลไพน์ ถนนสายเก่าแก่ ของเยอรมัน ผ่านชมทิวทัศน์อันงดงาม ถนนลดเลี้ยวไปตามเทือกเขาบาวาเรี่ยนแอลป์ เลีบยชายแดนเยอรมัน และออสเตรีย ผ่านปราสาทโบราณ โรงแรมแบบชาเลต์แปลกตา หมู่บ้านชนบทแบบบาวาเรี่ยน แวะชมเมือง บาดไรนเค่นฮาล (Bad Reichenhall) เป็นเมืองแห่งบ่อเกลือ บ่อน้ำพุร้อน สปา และเป็นสถานที่รักษาบำบัดสุขภาพ และแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนของชาวยุโรป นำท่านชม Gradierhaus Bad Reichenhall เป็นสวนสาธารณะใจกลางเมืองของบาดไรเคนฮาล ชมภูมิปัญญาท้องถิ่น ในการสร้างโรงอบสมุนไพร ไอน้ำ เพื่อบริการประชาชน รักษาผิวหนัง ตลอดจนระบบทางเดินหายใจ จากนั้นเดินทางสู่ เบคเทสการ์เดน (BERCHTESGADEN) เมืองติดต่อพรมแดนออสเตรีย เป็นเมืองเล็กน่ารัก VON HUMBOLT นักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมันที่เดินทางไปแล้วทั่วโลกกล่าวว่า นอกจากเนเปิล และคอนสแตนติโนเปิลแล้ว เบคเทสกาเดน เป็นอีกเมืองหนึ่งที่สวยที่สุด อาคารเกือบทั้งเมืองมีภาพวาดลวดลายบนฝาผนัง ที่เป็นเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมของบาวาเรียตั้งแต่ศตวรรษที่ 17
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่ภัตตาคาร
เข้าสู่ที่พักโรงแรม Hotel Edelweiss Berchtesgaden หรือเทียบเท่า
http://www.edelweiss-berchtesgaden.com/en/hotel-bayern/1-0.html
9️⃣วันที่เก้าของการเดินทาง เบคเทสกาเดน – อีเกิลเนสท์ – มิวนิค
เช้า รับประทานอาหารเช้า ที่โรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ยอดเขา อีเกิลเนสต์ (EAGLE’S NEST) ภาษาเยอรมันเรียกว่า KEHLSTEINHAUS เป็นเรือนรับรองสถานที่พักผ่อนของฮิตเลอร์ อยู่บนภูเขาสูงเหนือเขต โอเบอร์ซาลส์เบิร์ก ติดพรมแดนออสเตรีย ที่ยังเหลือรอดโดยไม่ถูกทำลายในสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2 สมัยมีอำนาจฮิตเลอร์โปรดที่จะใช้เวลาหน้าร้อนที่ เบิร์กฮอฟ หมู่บ้านตากอากาศเขตเบคเทสกาเดน ด้วยความหลงใหลในบรรยากาศ และทิวทัศน์ที่แสนงดงาม ของดินแดนแถบนี้ จึงขยายอาณาจักรส่วนตัว โดยบังคับซื้อบ้านที่ดิน หรือแม้แต่โรงแรมดั้งเดิม มาสร้างเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ เพื่อให้ผู้นิยมลัทธินาซีเข้าพัก ในราคา 1 มาร์คต่อ 1 คืน และได้สร้างเรือนน้ำชา บนยอดเขา เคลชไตล์ ซึ่งอยู่เหนือหมู่บ้านเบิร์กฮออฟขึ้นไป ซึ่งเป็นเทคโนโลยี่ล้ำเลิศสมัยนั้น โดยสร้างทางขึ้นเขาระยะทาง 4 ไมล์ แต่มีโค้งหักศอกเพียงโค้งเดียว ใช้เวลาสร้าง 1 ปี มูลค่าปัจจุบันกว่า 300 ล้านยูโร แต่ฮิตเลอร์กลัวความสูง กลัวลิฟท์ และไม่ชอบอากาศเบาบาง มีบันทึกว่าฮิตเลอร์เดินทางมาที่อีเกิลเนสท์ หรือฮิตเลอร์เรียก TEEHAUS หรือเรือนน้ำชาเพียง 14 ครั้ง ก่อนเสียอำนาจ แต่ผู้ที่ใช้เรือนน้ำชาประจำคือ เอวา บราวน์ ผู้หญิงของฮิตเลอร์ อีเกิลเนสท์สูงจากระดับน้ำทะเล 2000 เมตร ปัจจุบันอีเกิลเนสท์กลายเป็นภัตตาคาร ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวคือวิวในแบบพาโนราม่า ของเทือกเขาและหุบผาเหนือเขต โอเบอร์ซาลส์เบิร์ก ของออสเตรียที่แสนงดงามตรึงตายิ่ง ที่ใช้เป็นฉากในการถ่ายทำภาพยนตร์อมตะเรื่อง THE SOUND OF MUSIC ที่แสนโด่งดังยิ่งเมื่อได้ไต่ขึ้นไปบนหมูหินสูงสุดเหนืออาคารอีเกิลเนสท์ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของโลกทั้งใบเหมือนดั่งฮิตเลอร์
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ที่ภัตตาคาร
บ่าย หลังจากลงมาจากยอดเขา อีเกิลเนสท์ ออกเดินทางสู่ ตัวเมืองมิวนิค ซึ่งปัจจุบันมิวนิคเป็นเมืองเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมใหญ่ของเยอรมัน เช่น โรงผลิตรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู (BMW) และโรงงานโทรศัพท์มือถือซีเมนส์
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่ที่พัก Holiday Inn Express Airport HOTELหรือเทียบเท่าระดับเดียวกัน 4 ดาว
http://www.ihg.com/holidayinnexpress/hotels/gb/en/schwaig-oberding/mucap/hoteldetail
🔟วันสิบของการเดินทาง สนามบินมิวนิค (เยอรมัน)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ที่โรงแรม
09.30 น. เดินทางสู่สนามบิน มิวนิค เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับประเทศไทย
14.25 น. ออกเดินทาง โดยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG 925
วันสิบเอ็ดของการเดินทาง สนามบินสุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ)
06.05 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ…..โดยสวัสดิภาพ
อัตราค่าบริการ (รถเช่า สำหรับ 6-7 ท่าน) วันเดอร์ฟูลแอลป์ 11 วัน
ราคา ทัวร์วันเดอร์ฟูลแอลป์ 11 วัน
ค่ารถวันละ 34,000 บาท
ราคารวม
ค่าประกันการเดินทางแบบกลุ่ม ตามกฏหมายกำหนด คุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์
ราคาไม่รวม
1.โรงแรมของท่าน
2.ที่จอดรถ จ่ายเป็นรายครั้งไป ตามโปรแกรมท่านเลือกเที่ยวจริง
3.กรณีรถโค้ช ราคาไม่รวม City permit จ่ายเป็นรายครั้งไป ตามโปรแกรมท่านเที่ยวจริง, หากมีเอารถลงเรือ Ferry จ่ายเองหน้างานตามจริง
4.ทิปคนขับ ตามพอใจ แนะนำ วันละ 40 ยูโร/คณะ
5.อื่น ๆ ที่ไม่เขียนว่ารวม เช่น อาหารเที่ยงและเย็น ค่ายกกระเป๋า ณ โรงแรมที่พัก ค่าวีซ่าและค่าตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ ตั๋วท่องเที่ยว จ่ายหน้างานเองตามจริง ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และหัก ณ ที่จ่าย 3%
6.หากต้องการหัวหน้าทัวร์ จ่ายเพิ่มวันละ 16,500 บาท ราคารวมโรงแรมและอาหารหัวหน้าทัวร์แล้ว
การจ่ายเงินสำหรับทัวร์วันเดอร์ฟูลแอลป์ 11 วัน
• งวด 1 มัดจำ คณะละ 5,000 บาท สามารถจองผ่านหน้าระบบเวบไซต์ได้เลย จากนั้นเราจะออกใบจองทัวร์คอนเฟิร์มให้ท่าน (หากทริปไม่คอนเฟิร์ม จะคืนเงินให้ 100% ภายใน 7 วัน)
• งวดที่ 2 ท่านละ 5,000 บาท ภายใน 7 วัน หลังจากได้รับการคอนเฟิร์มแล้ว
• งวดที่ 3 ท่านละ 25,000 หลังจากวีซ่าผ่านแล้ว หรือ/และก่อนเดินทาง ไม่น้อยกว่า 30 วัน
• งวดที่ 4 ท่านละ ที่เหลือ วันที่ 2 ของทริป หลังจากเราไปรับท่านแล้ว (เพื่อความมั่นใจ)
#ทัวร์เทือกเขาแอลป์ #ทัวร์ส่วนตัว #เที่ยวยุโรปส่วนตัว #เช่ารถเที่ยวยุโรป

คุณต้องเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น.