จากอียิปต์สู่จอร์แดนสองดินแดนในพระคัมภีร์ และอารยธรรมโบราณที่มีมาช้านานก่อนคริสตกาล หากจะกล่าวถึงประเทศอียิปต์เราคงนึกถึงความยิ่งใหญ่ของมหาปิระมิดกีซา มัมมี่ หรือสฟิงค์ แต่ถ้าจะประเทศจอร์แดนเราก็คงจะนึกถึงเพตรา ทะเลสาบเดดซี หรือทะเลแดง แต่จะมีสักกี่คนที่ได้รู้เบื้องหลังความน่าอัศจรรย์ที่ยังรอให้เราได้ไปค้นหาถึงที่มาที่ไปและความหมายที่ซ่อนอยู่ของสองดินแดนอารยธรรมโบราณนี้
ประเทศอียิปต์ หรือประเทศไอยคุปต์(มาจากการทับศัพท์คำภาษากรีกว่า ไอกึปตอส ( Aigyptos) ในอดีต ดินแดนอารยธรรมแห่งลุ่มแม่น้ำไนส์ที่เป็นศูนย์รวมความเจริญก้าวหน้าด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านอารยธรรม ด้านวิทยาศาสตร์ ด้านประดิษฐ์ตัวอักษร ด้านการแพทย์ ด้านสถาปัตยกรรม ด้านระบบชลประทาน ด้านประติมากรรม และอื่นๆอีกมากมาย
ประเทศจอร์แดน หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าดินแดน “เลแวนท์” (Levant มาจากภาษาละตินที่แปลว่า rise) ซึ่งครอบคลุม 4 ประเทศด้วยกันคือ อิสราเอล จอร์แดน เลบานอน ซีเรียและบางส่วนของอียิปต์และอิรักที่อยู่ติดกัน ดินแดนประเทศจอร์แดนสมัยโบราณเมื่อหลายพันปีก่อนคริสตกาลดินแดนในแถบนี้เป็นที่อยู่ของชาวยิว ชาวโรมัน และชาวเผ่าต่างๆ ตามพระคัมภีร์ไบเบิล และตำนานของชาวยิวที่ได้เขียนไว้ได้กล่าวถึงหลายเหตุการณ์สำคัญๆที่เกิดขึ้นในประเทศจอร์แดนด้วย แม้ว่าจะไม่มากเท่าอิสราเอลแต่สองดินแดนนี้ก็มีความสำคัญเป็นอย่างมากในหน้าประวัติศาสตร์ของผู้นำชนชาติอิสราเอล
สองดินแดน จากอียิปต์สู่จอร์แดนดินแดนในพระคัมภีร์
สองดินแดนในพระคัมภีร์ที่กล่าวมาข้างต้นเริ่มต้นจากประเทศอียิปต์(ไอยคุปต์) โดยมีเรื่องราวเขียนไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิล(Bible)เกี่ยวกับเรื่องราวของ “โมเสส”(Moses)เจ้าชายแห่งอียิปต์ที่เป็นชาวยิว แต่ถูกเลี้ยงและเติบโตมาในประเทศอียิปต์สมัยนั้นชนชาติอิสราเอล(ฮีบรู)มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นฟาโรห์ของประเทศอียิปต์กลัวชาวอิสราเอลจะมาแย่งชิงอำนาจจึงได้สั่งฆ่าเด็กชายชาวอิสราเอลที่เกิดใหม่ทุกคน แต่โมเสสได้ถูกแม่ซ่อนไว้จึงรอดพ้นจากการถูกฆ่า แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่สามารถซ่อนทารกได้อีกเนื่องจากทารกโตขึ้น ดังนั้นแม่ของโมเสสจึงได้สานตระกร้าทาด้วยยางมะตอยแล้วนำโมเสสลอยน้ำไป จนธิดาฟาโรห์ไปพบเข้าจึงได้เก็บโมเสสมาเลี้ยง โดยจ้างหญิงชาวฮีบรูมาเป็นแม่นมซึ่งเป็นแม่แท้ๆของโมเสส(ธิดาฟาโรห์ไม่รู้ว่าเป็นแม่แท้ๆของโมเสส) โมเสสจึงได้รับการเลี้ยงดูแบบชาวฮีบรูและได้รับการสอนให้อยู่ในทางของพระเจ้า เมื่อโมเสสเติบโตขึ้นแม่นม(แม่ของโมเสส)จึงนำมาถวายพระราชธิดาฟาโรห์ เมื่อโมเสสเติบโตขึ้นและได้เห็นพี่น้องชาวฮีบรูถูกบังคับให้ทำงานหนัก ถูกชาวอียิปต์ทำร้ายร่างกายจึงได้เข้าไปช่วยและได้เผลอฆ่าคนอียิปต์ตาย โมเสสกลัวความผิดจึงหนี้ไปอยู่ในดินแดนมีเดียน(Midians) ที่นี้โมเสสได้แต่งงานและได้เลี้ยงแกะอยู่บนภูเขาซีนาย จนกระทั้งพระเจ้าได้ทรงเรียกโมเสสให้เป็นผู้ปลดปล่อยชาวฮีบรูจากการเป็นทาสในประเทศอียิปต์นำไปยังดินแดนแห่งคำสัญญาหรือ คานาอัน ที่ปัจจุบันคือ ประเทศอิสราเอล ปาเลสไตน์ และ เลบานอล ***หมายเหตุ มีเดียนนั้น เป็นส่วนหนึ่งของอาระเบีย ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันออกของอ่าวอาคาบา
เมื่อเรื่องราวในพระคัมภีร์ไบเบิล ได้ถูกถ่ายทอดลงบนแผ่นฟิล์มฝีมือการผลิตของดรีมเวิร์กสแอนิเมชัน กำกับโดยเบรนด้า แชปแมน ในปี 1998จึงเกิดเป็นการ์ตูนแอนิเมชันมหากาพย์การผจญภัยที่เรารู้จักกันในเรื่องเดอะ พริ้นซ์ ออฟ อียิปต์ (The Prince of Egypt) ที่บอกเล่าถึงตำนานความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และเมื่อการ์ตูนเดอะ พริ้นซ์ ออฟ อียิปต์ออกฉายก็ได้รับการตอบรับจากผู้ชมทั่วโลก และจากกระแสหนังเอนิเมชันเรื่องนี้จึงทำให้ผู้คนได้หันมาสนใจ และนิยมท่องเที่ยวในเส้นทางในแทบนี้มากขึ้น โดยเฉพาะชาวคริสต์ศาสนาที่อยากจะเดินทางมาเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆซึ่งมีอยู่จริงที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิล วันนี้เราจะพาท่านไปชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆของสองประเทศนี้ว่ามีที่ไหนบ้าง โดยเราจะเริ่มต้นกันที่
โบสถ์เซ้นท์เซอร์เจียส (The Church of Saint Sergius and Bacchus (Abu Serga)
โบสถ์คริสต์ของชาวมุสลิม ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองไคโรเก่า เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในกำแพงเสาหินดั่งเดิมตั้งแต่ศตวรรษที่ 3-4 (ต่ำจากพื้นปัจจุบันลงไป 3 ชั้น) เป็นที่หลบภัย ของครอบครัวพระเยซูคริสต์จากเยรูซาเล็มกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิลว่า ระหว่างที่พระองค์ยังอยู่ในวัยทารก เป็นช่วงที่กษัตริย์แฮรอดของจูเดีย สั่งฆ่าทารกผู้ชายที่เกิดใหม่ทุกคน โจเซฟและมาเรียได้นำพระเยซูคริสต์ ซึ่งถือกำเนิดในช่วงนั้น เดินทางหลบหนีมาซ่อนภัยเมื่อตอนเป็นทารก
ยอดเขาซีนาย จากอียิปต์สู่จอร์แดนดินแดนในพระคัมภีร์
มีความสูง 7,500 ฟุตหรือ 2,270 เมตร ภูเขาซีนายได้รับการขนานนามว่าเป็น ” หลังคาของอียิปต์ ” เป็นสถานที่ที่โมเสสขึ้นไปรับบัญญัติสิบประการและกฎเกณฑ์ต่าง ๆจากพระเจ้า ซึ่งยอดภูเขาซีนายแห่งนี้เป็นจุดที่ชมดวงอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามมากแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
โบสถ์เซนต์แคทเธอรีน (St.Catherine)
ที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาโฮเร็บ (Mount Horeb) เป็นโบสถ์คริสต์นิกายออร์โธด็อกซ์ (Orthodox) ซึ่งได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 2002 โดยบริเวณรอบๆโบสถ์นั้นถูกโอบล้อมไปด้วยภูมิทัศน์และวิวทิวทัศน์อันสวยงาม ถูกสร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 6 (พุทธศตวรรษที่ 11) เป็นโบสถ์คริสต์ที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังดำรงการใช้สอยดั้งเดิม กำแพงและตัวอาคารมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการศึกษาสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ (Byzantine)
หาดนูไวย์บา ทะเลแดง (Red Sea)
เป็นอ่าวในมหาสมุทรอินเดีย แบ่งระหว่างทวีปแอฟริกากับทวีปเอเชีย โดยทะเลแดงเชื่อมกับมหาสมุทรอินเดียที่อ่าวเอเดน ทะเลแดงมีชื่ออื่นคือ อ่าวอาหรับ (Arabian Gulf) ซึ่งเรียกกันก่อนสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 20 ชื่อทะเลแดงไม่ได้หมายถึงสีของน้ำทะเล แต่หมายถึงสีของแบคทีเรียชนิดหนึ่งบริเวณผิวน้ำ โดยเชื่อว่าหาดนูไวย์บาแห่งนี้เป็นบริเวณที่โมเสสได้นำชาวฮีบรู(หรือชาวอิสราเอลในปัจจุบัน) ข้ามผ่านทะเลแดงโดยพระเจ้าได้ทำให้น้ำในทะเลการแยกออกเป็น2 ฝั่งเพื่อให้ชาวยิวได้หนีจากการไล่ล่าของทหารอียิปต์ เนื่องจากนักโบราณคดีได้สำรวจบริเวณนี้และพบซากรถรบ วงล้อรถ และอาวุธที่จมอยู่ใต้ทะเลแดงในบริเวณนี้เป็นหลักฐานพิสูจน์เรื่องราวในพระคัมภีร์
***หมายเหตุ*** เส้นทางที่โมเสสใช้ในการอพยพวงศ์วานอิสราเอลออกจากอียิปต์นั้นมีหลายทฤษฏีมาก เพราะการหาหลักฐานเรื่องตำแหน่งของการข้ามทะเลแดง และ ภูเขาซีนาย นั้นสำคัญมากสำหรับชาวอิสราเอลและชาวคริสต์ ในเส้นทางแบบดั้งเดินนั้นบริเวณข้ามทะเลแดงอยู่ที่ทะเลสาบทิมเชห์ (Timsah) และภูเขาซีนายน่าจะอยู่ที่ปลายแหลมซีนายแต่ในปี 1988 นักสำรวจชาวอเมริกันได้สันนิษฐานเส้นทางใหม่ว่า บริเวณข้ามทะเลแดงของโมเสสน่าจะอยู่ที่บริเวณหาด Nuweiba ซึ่งที่หาดแห่งนี้มีการสำรวจพบล้อรถโบราณและโครงกระดูกเก่าแก่ และภูเขาซีนายก็น่าจะอยู่ที่บริเวณมีเดียน
มาซาดา(Masada)
ตั้งอยู่กลางทะเลทรายยูเดีย (Judean Dessert) ใช้เวลาสร้างถึง 7 ปี (ก่อน ค.ศ. 31-37) เพื่อเป็นพระราชวังฤดูหนาว ของกษัตริย์เฮโรด กษัตริย์แห่งยูเดีย ผู้สืบเชื้อสายมาจากคนเอโดม ปัจจุบันป้อมแห่งนี้เป็นอุทยานแห่งชาติอิสราเอล และได้รับการขึ้นเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 2001 บนมาซาดาทางด้านเหนือมีสถาปัตย์อันงดงามที่สลักจากผาหิน มีโรงอาบน้ำที่แบ่งออกเป็นส่วนของการอบซาวนา การแช่น้ำร้อน ที่อาบน้ำเย็น
ทะเลเดดซี หรือทะเลมรณะ(Dead Sea)
เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่มีความเข้มข้นของเกลือสูงมาก อยู่ตรงเขตแดนประเทศจอร์แดนและอิสราเอล ระดับน้ำอยู่ต่ำที่สุด ทะเลเดดซีอยู่ระหว่างเทือกเขายูเดียที่ด้านเหนือ และที่ราบสูงทรานสจอร์แดนที่ด้านตะวันออก แม่น้ำจอร์แดนจะไหลจากทางเหนือมายังทะเลเดดซีนี้ ในสมัยที่เขียนคัมภีร์ไบเบิล จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 8 พื้นที่บริเวณตอนเหนือเท่านั้นที่มีผู้อยู่อาศัย และระดับน้ำต่ำกว่าในปัจจุบัน 35 เมตร
คนชาวอาหรับจะเรียกทะเลสาบเดดซีกันว่า “อัลบาห์รัลไมยิต” หมายความว่าทะเลมรณะ ส่วนภาษาฮีบรูเรียกทะเลสาบนี้ว่า “ยัมฮาเมละฮ์” ซึ่งหมายความว่า “ทะเลเกลือ” เป็นทะเลที่เค็มที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เค็มกว่าทะเลอื่นถึง 4 เท่า มีความยาว 76 กิโลเมตร กว้างถึง 18 กิโลเมตร มีจุดที่ลึกที่สุดคือ 400 เมตร และอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 417.5 เมตร ซึ่งนับว่าเป็นพื้นที่ ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลมากที่สุดในโลกอีกแห่งด้วย ดังนั้นทะเลเดดซีเมื่อเราลงไปว่ายน้ำจึงสามารถลอยตัวได้เนื่องจากความมีปริมาณเข้มข้นของเกลือสูง
วันนี้ผู้เขียนขอจบบทความเรื่อง “จากอียิปต์สู่จอร์แดนดินแดนในพระคัมภีร์ตอนที่ 1” ไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อน เอาไว้อาทิตย์หน้าจะมาเล่าตอนที่2 ให้ฟังกันต่อ รับรองว่ามีแต่สถานที่ที่น่าสนใจทั้งนั้นเลยค่ะ 🙂
คุณต้องเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น.