ที่ราบสูงโบลาเวน (ลาว: ພູພຽງບໍລະເວນ อ่านว่า พูเพียงบ่อหละเว้น) (Bolaven Plateau) คือที่ราบสูงทางตอนใต้ของประเทศลาว ซึ่งมีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในแขวงจำปาศักดิ์ ครอบคลุมบางส่วนของแขวงสาละวัน เซกอง และอัตตะปือ และตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขาอันนัมที่เป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นลาวออกจากเวียดนามทางทิศตะวันออก กับแม่น้ำโขงทางทิศตะวันตก ความสูงของที่ราบสูงอยู่ในช่วงประมาณ 1,000–1,350 เมตร (3,280–4,430 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล ที่ราบสูงนี้เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำหลายสายและมีน้ำตกที่สวยงามหลายแห่ง ชื่อของที่ราบสูงโบลาเวน อ้างอิงจากชื่อกลุ่มชาติพันธุ์ละเวน Laven ซึ่งเคยมีอำนาจเหนือภูมิภาคนี้ในอดีต อย่างไรก็ตามการขยายตัวของประชากรโดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ลาวซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 50 ถึง 60 ของประเทศ และการอพยพภายในประเทศ ส่งผลให้เกิดการหลอมรวมระหว่างชาติพันธุ์ซึ่งเปลี่ยนองค์ประกอบทางชาติพันธุ์ของภูมิภาค
ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่ราบสูงโบลาเวน
ที่ราบสูงโบลาเวนมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของลาว ช่วงเวลาสำคัญที่สุดสามช่วงซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อที่พื้นที่ ทำให้เกิดเอกลักษณะเฉพาะและความสำคัญ ได้แก่ การตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส กบฏผู้มีบุญ และสงครามเวียดนาม
อาณานิคมของฝรั่งเศส
ในปี พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสได้ผนวกดินแดนแห่งแรกทางตะวันออกของแม่น้ำโขง และต่อมาได้ผนวกดินแดนทางตะวันตกของแม่น้ำโขงในปี พ.ศ. 2447 และ พ.ศ. 2450 ช่วงยุคอาณานิคมของฝรั่งเศสในลาวนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อที่ราบสูงโบลาเวน เนื่องจากเกิดการถ่ายทอดเทคนิคทางการเกษตรจากชาวฝรั่งเศสสู่ชาวพื้นเมืองลาว จากพจนานุกรมประวัติศาสตร์ (เขียนโดย Martin Stuart-Fox) ระบุว่า “ชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ริเริ่มปลูกกาแฟและทดลองปลูกยางพาราบนที่ราบสูงโบลาเวน และต่อมายังคงเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่สำคัญของลาว โดยเฉพาะการปลูกผักและผลไม้นานาชนิดรวมทั้งพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่สร้างรายได้สูง” ที้งนี้การเพาะปลูกพืชดังกล่าวไม่เคยมีในพื้นที่นี้มาก่อนจนกระทั่งชาวฝรั่งเศสได้เข้ามาแนะนำในภูมิภาคนี้ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ทำให้พื้นที่แถบนี้กลายเป็นพื้นที่ภาคเกษตรกรรมที่สำคัญของประเทศลาว
กบฏผู้มีบุญ
ช่วงที่สองที่ช่วยกำหนดประวัติศาสตร์ของที่ราบสูงคือการ กบฏผู้มีบุญ การก่อจลาจลปะทุขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2444 ถึง 2450 ซึ่งเป็นการก่อกบฏครั้งใหญ่ของชนเผ่าลาวเทิง (Alak, Nyaheun และ Laven) เพื่อต่อต้านการครอบงำของฝรั่งเศส แม้ว่าไม่มีการจดบันทึกหรือบทประพันธ์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่กล่าวเฉพาะการปฏิวัตินี้ในที่ราบสูงโบลาเวน แต่การก่อตัวของกบฏผู้มีบุญแจ้งชัดว่าชุมชนพื้นเมืองต้องการต่อต้านอิทธิพลและอำนาจของฝรั่งเศสออกจากพื้นที่
สงครามเวียดนาม
พื้นที่แถบโบลาเวนได้รับความเสียหายอย่างมากในช่วงสงครามเวียดนาม เนื่องจากเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ถูกทิ้งระเบิดอย่างหนักที่สุดใน สงครามอินโดจีนครั้งที่สอง การทิ้งระเบิดของสหรัฐอย่างหนักหน่วงในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1960 เพื่อควบคุมที่ราบสูงโบลาเวนซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญยิ่งทั้งต่อกองทัพอเมริกันและเวียดนามเหนือ ปรากฏหลักฐานจากจำนวน UXO (อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ยังไม่ระเบิด) ซึ่งยังคงหลงเหลือเป็นจำนวนมากอยู่รอบ ๆ พื้นที่ ด้วยเหตุนี้ที่ราบสูงแถบนี้ยังคงเป็นพื้นที่อันตรายโดยเฉพาะในพื้นที่ที่ยังไม่ได้สำรวจทำเครื่องหมาย ตามรายงานหลายฉบับความเสียหายที่เกิดจากระเบิดที่หลงเหลือเหล่านี้ยังคงพบเห็นได้ในบางพื้นที่
ในด้านตะวันออกของที่ราบสูงโบลาเวนเป็นส่วนหนึ่งในพื้นที่ผ่านของเส้นทางโฮจิมินห์ ในช่วงสงครามที่ราบสูงนี้สามารถเข้าถึงได้โดยรถยนต์ผ่านปากซองและธาเต็ง และถนนเหล่านั้นเป็นถนนสายเดียวที่นำออกจากที่ราบสูงที่ยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวและให้ความสนใจต่อภูมิประวัติศาสตร์ในพื้นที่นี้มากขึ้น
วัฒนธรรมของชาวโบลาเวน
กลุ่มชาติพันธุ์หลักในพื้นที่ราบสูงนี้คือชาวละเวน Laven แม้ว่าจะมีกลุ่มชาติพันธุ์ มอญเขมร ที่อาศัยอยู่รวมในพื้นที่ทั้ง Alak, Katu, Taoy และส่วย จากข้อมูลของ CPA Media กล่าวว่า “กลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้ทั้งหมดเคยเชื่อในศาสนาผี” และบางกลุ่มเคยมีการบูชายัญสัตว์ด้วย อย่างไรก็ตามในปัจจุบันชุมชนชนกลุ่มน้อยเหล่านี้บางส่วนได้เริ่มเปลี่ยนมานับถือพุทธศาสนาเนื่องจากมีการติดต่อกับชาวลาวลุ่ม
เศรษฐกิจของโบลาเวน
เศรษฐกิจหลักในภูมิภาคที่ราบสูงโบลาเวนมุ่งเน้นไปที่การผลิตทางการเกษตรและการท่องเที่ยว ซึ่งมีส่วนช่วยอย่างมากต่อรายได้ของที่ราบสูง
นับจากการริเริ่มทำการเกษตรและเทคนิคการเกษตรอื่น ๆ ของชาวฝรั่งเศสบนที่ราบสูง ซึ่งรวมไปถึงการปลูกกาแฟ ยางพารา และกล้วย จากต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 โบลาเวนยังคงเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่สำคัญในการปลูกผลไม้และผักหลายชนิด พืชเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่สร้างรายได้สูงเช่น กระวาน ซึ่งในจำนวนพืชผลทางการเกษตรที่ชาวฝรั่งเศสริเริ่มนั้น กาแฟนับเป็นพืชเศรษฐกิจมีความสำคัญมากที่สุดในภูมิภาคนี้
ในระหว่างยุคอาณานิคม ชาวฝรั่งเศสยังได้แนะนำการผลิตกาแฟสายพันธุ์คุณภาพสูงทั้งอาราบิกาและโรบัสตา ปริมาณการผลิตเคยลดลงในช่วงสงคราม และกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งในปัจจุบัน สภาพภูมิอากาศของที่ราบสูงที่มีอุณหภูมิเย็น และฝนที่ตกชุกทำให้ที่ราบสูงแถบนี้เป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการผลิตกาแฟอย่างยิ่ง ปัจจัยข้างต้นทำให้ครอบครัวเกษตรกรชนกลุ่มน้อยส่วนมากในพื้นที่พึ่งพาอุตสาหกรรมการปลูกและผลิตกาแฟเป็นแหล่งรายได้หลัก ปัจจุบันผลผลิตกาแฟในประเทศลาวเกือบทั้งหมดจากการปลูกบนที่ราบสูงโบลาเวน ในแขวงจำปาศักดิ์ทางตอนใต้ของประเทศ และผลผลิคกาแฟของลาวต่อปีประมาณ 15,000–20,000 ตัน โดยร้อยละ 80 เป็นกาแฟโรบัสตา
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
การท่องเที่ยวในที่อยู่ในพื้นที่โบลาเวน และใกล้เคียงเป็นที่ดึงดูดใจจากลักษณะเฉพาะ เช่น น้ำตกต่าง ๆ ตลอดจนหมู่บ้านของกลุ่มชาติพันธุ์ กสิกรรมธรรมชาติ และพื้นที่ทางภูมิประวัติศาสตร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ
มีน้ำตกเป็นจำนวนมาก จึงเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว เข้ามาสัมผัสความงาม และยังคงความดิบๆ ของธรรมชาติการเดินป่า ไต่เขา โหนสลิงเป็นกิจกรรมที่ท้าทาย การกลางเต้นค้างแรม ท่านกลางธรรมชาติ อากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ไม่มีน่าร้อน นักท่องเที่ยวมักจะให้ความสนใจ สถานที่ท่องเที่ยว ได้แก่
ตาดฟาน
ตาดฟานอยู่ห่างจากตาดเยืองมาประมาณ 4 ก.ม. อยู่ในเมืองปากซอง แขวงจำปาสัก เรียกเป็นภาษาไทยได้ว่า น้ำตกเก้ง ตาดฟานเป็นน้ำตกที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในลาว มีความสูงประมาณ 200 เมตร มีลักษณะเด่นเป็นสายน้ำตกเล็กๆ 2 สาย หรือน้ำตกแฝดจากต้นน้ำ 2 สาย ไหลเป็นทางคู่ขนานยาวทะลุหน้าผาภูเขาเขียว แล้วทิ้งตัวลงเป็นสายสู่หุบเหวลึกเบื้องล่าง
นอกจากนั้น ตาดฟานยังมีกิจกรรม “ซิปไลน์” (Zipline) โหนสลิงข้ามหน้าผาผ่านน้ำตกตาดฟาน เป็นกิจกรรมแอดเวนเจอร์ให้นักท่องเที่ยวได้ตื่นเต้นกันอีกด้วย
ตาดเยือง
หนึ่งในน้ำตกงามแห่งลาวใต้ ตาดเยือง เรียกเป็นภาษาไทยได้ว่า น้ำตกเลียงผา มีลักษณะเป็นสายน้ำตกใหญ่ 2 สาย ไหลโจนทะยานขาวฟูฟ่องลงมาจากโตรกผาสูงประมาณ 40 เมตร สู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง
ตาดขะมืด
ตาดขมึด ตั้งอยู่ในบ้านหนองหลวง เมืองปากซอง แขวงจำปาสัก เป็นน้ำตกสูงที่ไหลลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆ งดงามเป็นอย่างยิ่ง
ตาดเสือ
ตาดเสือ ตั้งอยู่ในบ้านหนองหลวง เมืองปากซอง แขวงจำปาสัก มีลักษณะเป็นน้ำตกสูงที่ไหลลดหลั่นเป็นชั้นๆ คล้ายกับตาดขมึด
ตาดหินแดง อีกหนึ่งน้ำตกในบ้านหนองหลวง เมืองปากซอง แขวงจำปาสัก ชั้นน้ำตกไม่สูงนักแต่กว้างขวางร่มรื่น เล่นน้ำได้สบายใจ
ตาดตาเก็ด
ตาดตาเก็ด ตั้งอยู่ในบ้านหนองหลวง เมืองปากซอง แขวงจำปาสัก เป็นน้ำตกท่ามกลางป่าเขา ไหลลงจากหน้าผาสูง สายน้ำเป็นละอองงดงาม โดยตาดทั้งสามแห่งคือตาดขมึด ตาดเสือ และตาดตาเก็ดนี้ จะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวของผู้รักการผจญภัย โดยมีกิจกรรมเดินป่าไปยังน้ำตกแต่ละแห่ง และโหนสลิงซิปไลน์ผ่านน้ำตกอีกด้วย
ตาด 7 ชั้น
ตาด 7 ชั้น ตั้งอยู่ในเมืองปากซอง แขวงจำปาสัก เป็นอีกหนึ่งน้ำตกในเส้นทางเดินป่าและโรยตัวที่กล่าวถึงไปตอนต้น โดยนักท่องเที่ยวสามารถมาเล่นน้ำที่ตาด 7 ชั้น ได้ โดยตัวน้ำตกจะเป็นชั้นลดหลั่น และมีแอ่งน้ำให้ได้เล่นกันฉ่ำใจ
ตาดแซป่องไล
เข้ามาสู่แขวงอัตตะปือกันบ้าง ตาดแซปองไล ถือเป็นน้ำตกสุดอันซีนแห่งเมืองสะหนามไซ แขวงอัตตะปือ ที่มีความสวยงามอลังการเป็นอย่างยิ่ง โดยเป็นน้ำตกขนาดใหญ่อยู่บนลำน้ำวังเงา เกิดจากการยุบตัวของแผ่นดินทำให้กลายเป็นน้ำตกลักษณะคล้ายกับกำแพงม่านน้ำกว้างใหญ่ดูสวยงามตื่นตาจริงๆ
ตาดเซพระ
ตาดเซพระอยู่ในแขวงอัตตะปือเช่นเดียวกัน ไม่ไกลจากตาดแซปองไลมากนัก โดยเป็นน้ำตกบนลำน้ำวังเงาเช่นกัน แต่อยู่ต่ำลงมาทางใต้ของตาดแซปองไล และมีขนาดเล็กกว่า แต่ก็สามารถเห็นชั้นน้ำตกและสัมผัสสายน้ำเย็นฉ่ำใจได้ไม่แพ้กัน
ตาดเลาะ
น้ำตกตาดเลาะที่อยู่ห่างจากปากเซ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 92 กิโลเมตร หรือจากเมืองสาละวันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 28 กิโลเมตร ซึ่งต้นไม้ที่ล้อมรอบน้ำตกที่เขียวชอุ่มและปริมาณน้ำที่ไหลจากน้ำตกตลอดปีทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางหลักของการท่องเที่ยว
ไร่กาแฟ Paksong Highland Coffee Estate
ฟาร์มออร์แกนนิค
โบลาเวนเต็มไปด้วยกิจกรรมทางวัฒนธรรมและภูมิศาสตร์ที่น่าสนใจ ได้แก่ การล่องเรือ การเที่ยวชมไร่กาแฟในพื้นที่ การเดินป่า หรือการเยี่ยมชมหมู่บ้านของกลุ่มชาติพันธุ์ หมู่บ้าน Alak, Katu และส่วย ที่เปิดอนุญาตใหัเข้าชม
แนะนำทัวร์เที่ยวในที่ราบสูงโบลาเวน
โปรแกรมเที่ยวลาวใต้ http://ทริปลาวใต้ แอดเวนเจอร์พักบ้านต้นไม้ Zip Line 3 วัน
คุณต้องเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น.